มัลเบอร์รี่ หรือ หม่อน จัดเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพชนิดหนึ่งที่มีคุณประโยชน์มากมาย ทั้งยังมีราคาไม่สูงมาก สามารถปลูกได้หลายพื้นที่ในประเทศไทย รวมไปถึงลานเกษตร อ.บ้านแพ้ว สมุทรสาครแห่งนี้ด้วย

“สาครออนไลน์” ได้มีโอกาสเดินทางไปที่ สวนมัลเบอร์รี่ ของนายสุรวุฒิ เหลืองขมิ้น เกษตรกรวัย 55 ปี ตั้งอยู่ที่ บ้านรางช้างสี หมู่ 7 ต.หลักสอง อ.บ้านแพ้ว ร่วมกับคณะทีมงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสาคร นำโดยนางยุวพร นวชาติกุล ประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อถ่ายทำรายการออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) กรมประชาสัมพันธ์

“ลุงสุรวุฒิ” ได้บอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นว่า ได้รับกิ่งพันธุ์หม่อนกำแพงแสน 42 จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน แล้วนำมาปลูกที่สวน โดยเริ่มต้นจาก 1 กิ่ง จนปัจจุบันมีจำนวนกว่า 300 ต้น โดยหม่อนพันธุ์นี้สามารถปลูกได้กับดินทั่วไปในสภาพดี และอยู่ได้ในสภาวะแห้งแล้ง ส่วนปุ๋ยที่ใช้นั้น ลุงสุรวุฒิเลือกที่จะใช้ปุ๋ยสั่งตัด โดยคิดสูตรผสมขึ้นด้วยตัวเอง เพื่อให้พืชเจริญเติบโตได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งไม่ใช้สารเคมีในช่วงออกผล ใช้เวลาปลูก 50-60 วัน ก็สามารถเก็บผลผลิตได้ และให้ผลดกตลอดทั้งปี

ในเรื่องการทำตลาดนั้น จะเน้นขายผลสดเป็นหลัก ประมาณกิโลกรัมละ 200-250 บาท จัดจำหน่ายตามตลาดนัด งานเทศกาลต่างๆ ในพื้นที่ใกล้เคียง หรือที่สวนโดยตรง ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเยี่ยมชมตลอด หากได้ผลผลิตเหลือมาก ก็จะนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น น้ำมัลเบอร์รี่ 100% เครื่องดื่มมัลเบอร์รี่ นำมาผสมกับโยเกิร์ต หรือนำผลสดมาทำแยม โดยใช้ผลมัลเบอร์รี่หั่น 1 กก. กับน้ำตาลทรายแดง 3 ขีด เคี่ยวให้เข้ากันบนกระทะจนเหลว อาจเพิ่มเพคตินเพื่อให้เกิดความหนืดมากขึ้น

ผลมัลเบอร์รี่ในสวนของลุงสุรวุฒินั้น ให้รสชาติที่หวานฉ่ำ และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามิน B6 ช่วยบำรุงเลือด ตับ ไต ลดการเกิดสิวและประจำเดือน วิตามิน A ช่วยบำรุงสายตา บำรุงผิว ลดการอักเสบของสิว และวิตามิน C สูง ป้องกันโรคภูมิแพ้ โรคปอด วัณโรค เชื่อไวรัส ทั้งยังมีกรดโฟลิก ป้องกันโรคโลหิตจาง ช่วยการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ซึ่งหญิงแรกตั้งครรภ์ต้องการกรดโฟลิคเป็นอย่างมาก และสารต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งและโรคหัวใจ และช่วยบำรุงเส้นผมดกดำ ป้องกันผมหงอกก่อนวัย ฯลฯ

สิ่งที่สำคัญที่สุด ลุงสุรวุฒิได้น้อมนำแนวทางตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และพระราชดำริต่างๆ ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาปรับใช้กับการทำงานเกษตร และการดำเนินชีวิต เช่น การแกล้งดิน การบริหารจัดการให้เกิดความพอดี ซึ่งลุงสุรวุฒิกล่าวว่า ชีวิตของตนเองเปลี่ยนไปมากจากเกษตรกรธรรมดา ด้วยการศึกษาหลักปรัชญาของพ่อหลวงอย่างชัดเจน พร้อมทั้งทบทวน หาคำตอบโดยประสบการณ์ ถ้าถูกต้องก็นับได้ว่าประสบความสำเร็จ

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ 080-6199531 และ 085-1799239 หรือเฟซบุ๊คแฟนเพจ สวนพ่อสุรวุฒิ