อัคคีภัยป่าหญ้ารับฤดูร้อน รับมือได้ด้วย “แนวกันไฟ”
เป็นประจำทุกปีในช่วงฤดูร้อน ที่มักจะเกิดเหตุอัคคีภัยเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ตั้งแต่ไฟไหม้โรงงาน ไปจนถึงไฟไหม้ป่าหญ้า ต้นกก และต้นธูปฤาษี หรือต้นปรือ ซึ่งมีอยู่จำนวนมากในพื้นที่สมุทรสาคร
สาเหตุสำคัญของกรณีป่าวัชพืชถูกเผานั้น มีหลายสาเหตุ อาทิ การกำจัดขยะด้วยวิธีการเผาในพื้นที่รกร้างว่างเปล่า การทิ้งก้นบุหรี่ที่ยังไม่ดับ หรืออาจมีบุคคลจุดไฟเล่นด้วยความคึกคะนอง
อันตรายของการเผาวัชพืช นอกจากทำให้เกิดอัคคีภัยลุกลามไปยังบ้านเรือน สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางอากาศและสุขภาพของประชาชนอีกด้วย
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องทำการนำน้ำมาดับ ซึ่งอุปสรรคที่สำคัญคือการที่มีลมพัดแรง ทำให้เพลิงลุกลามมากขึ้น อีกทั้งรถดับเพลิงขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่เพียงพอหากเกิดขึ้นหลายจุด
การป้องกันเหตุไฟไหม้หญ้า จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ประชาชนควรตระหนัก เพราะที่ผ่านมานอกจากกรุงเทพมหานครที่ทำกันทุกปีแล้ว ตามต่างจังหวัดอาจละเลยการจัดทำแนวกันไฟ
โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่รกร้างว่างเปล่า เต็มไปด้วยต้นวัชพืชใกล้บ้านเรือนประชาชน
ข้อมูลจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ระบุถึงการจัดทำแนวกันไฟไว้อย่างน่าสนใจ แม้จะเป็นป่าขนาดใหญ่ แต่ก็สมควรนำมาประยุกต์ใช้กับป่าวัชพืชในเมืองได้
การจัดทำแนวกันไฟนั้น โดยทั่วไปคือการกำจัดเชื้อเพลิง ซึ่งหมายถึงวัชพืช ที่จะทำให้เกิดไฟไหม้ออกไป เพื่อตัดช่วงความต่อเนื่องของเชื้อเพลิง ป้องกันไม่ให้ไฟลุกลามเข้าไปในบ้านเรือนประชาชน
นอกจากนี้ ยังเป็นแนวตั้งรับในการดับเพลิง โดยใช้เป็นเส้นทางลำเลียงเจ้าหน้าที่และเครื่องมือเข้าไปดับไฟป่า และในกรณีฉุกเฉิน สามารถล่าถอยมาใช้แนวกันไฟเป็นแนวตั้งรับที่ปลอดภัยได้
วิธีการการจัดทำแนวกันไฟ ได้แก่ การกำจัดวีชพืช อาทิ ป่าหญ้า ต้นกก และต้นธูปฤาษี หรือต้นปรือ ให้ห่างออกจากพื้นที่บ้านเรือนประชาชนให้ได้มากที่สุดด้วยการตัด จากนั้นให้นำออกไปทิ้งที่อื่น
จุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของแนวกันไฟจะต้องชนกับแนวใดๆ ที่ทำหน้าที่เป็นแนวกันไฟด้วยเช่นกัน เช่น ถนน หรือคลอง หากไม่ได้ชนแนวใดๆ ไฟจะอ้อมผ่านแนวกันไฟทางปลายแนวทั้งสองด้าน
อย่างไรก็ตาม การจัดทำแนวกันไฟรับฤดูร้อน ต้องอาศัยความร่วมมือของคนในชุมชน หรืออาศัยเครื่องมือและบุคลากรจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้สำเร็จลุล่วงไปได้
ฝากทางผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยกันเฝ้าระวังพื้นที่รกร้างว่างเปล่าทั่วจังหวัด เพื่อไม่ให้ต้องเหนื่อยกับการดับเพลิงที่ปลายเหตุ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีก.