สัมมนา “เครือข่ายผู้นำนักประชาธิปไตย” 2559 – “สุรชัย” บรรยายพิเศษ “ก้าวต่อไป สนช.”
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้จัดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาและสร้างเครือข่ายในโครงการเสริมสร้างความพร้อมแก่ท้องถิ่น หลักสูตร “กระบวนการเสริมสร้างผู้นำนักประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม”
ในระหว่างวันที่ 8 – 10 ก.ย. 2559 ที่ผ่านมา ณ ห้องแวนด้า แกรนด์ บอลรูม A ชั้น 5 โรงแรมเบสท์ เวสเทิร์น พลัส แวนด้า แกรนด์ โฮเทล ถ.แจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี และอาคารรัฐสภา กรุงเทพมหานคร
เนื่องจากสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาฯ ดำเนินการโครงการเสริมสร้างความพร้อมแก่ท้องถิ่น หลักสูตร “กระบวนการเสริมสร้างผู้นำนักประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม” ในทุกภูมิภาค
เพื่อเป็นการเสริมสร้างความรู้และทัศนคติให้ประชาชนทั่วไปได้มีความเข้าใจในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข บทบาทและอำนาจหน้าที่ของ สนช. และการมีส่วนร่วมทางการเมือง
โดยในปีงบประมาณ 2559 ได้จัดอบรมไปแล้ว 10 ครั้ง รวม 30 จังหวัด มีผู้ผ่านการอบรมได้รับสัมฤทธิบัตรจำนวน 1,170 คน
สำหรับการสัมมนาฯ ครั้งนี้ ได้ทำการคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ได้นำความรู้ไปขยายผล ต่อยอดการจัดโครงการฯ และทำกิจกรรมต่างๆ
โดยมีผลงานเป็นที่ประจักษ์และต่อเนื่อง เป็นที่ยอมรับจนได้รับการคัดเลือก จำนวน 210 คน และผู้ที่ได้รับรางวัลโครงการสนับสนุนเงินรางวัลในการจัดกิจกรรมของเครือข่ายผู้นำนักประชาธิปไตยวุฒิสภา จำนวน 24 คน รวมทั้งหมด 234 คน
ในพิธีเปิดการสัมมนาฯ มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คนที่หนึ่ง เป็นประธานในพิธี
พร้อมด้วยนายพงษ์กิตติ์ อรุณภัคดีสกุล รองเลขาธิการวุฒิสภา, นายมิชาเอล วินเซอร์ ผู้แทนมูลนิธิคอนราด อเดนาวร์ ประจำประเทศไทย,
สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ประกอบด้วย พล.อ.สกนธ์ สัจจานิตย์, พล.อ.ศุภวุฒิ อุตมะ, พล.ร.ท.สนธยา น้อยฉายา และนางวัชรี สินธวานุวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาฯ
หลังเสร็จสิ้นพิธีเปิด นายสุรชัยได้บรรยายพิเศษเรื่อง “ก้าวต่อไปของ สนช. หลังร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ”
โดยกล่าวถึงความคืบหน้าสถานการณ์การเมือง ขณะนี้อยู่ในระยะที่ 3 ของการขับเคลื่อนประเทศไทย คือการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้ผ่านการทำประชามติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผลการลงประชามติใน 2 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ ร่างรัฐธรรมนูญ และคำถามพ่วง สนช. เสียงส่วนใหญ่ได้ให้ความเห็นชอบทั้ง 2 ประเด็น
ขณะนี้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ได้นำร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติ ไปปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้สอดคล้องกับประเด็นคำถามพ่วงเรียบร้อยแล้วในบทเฉพาะกาล เพื่อให้เกิดการปฏิรูปประเทศอย่างต่อเนื่องหลังจากรอคอยมาเป็นเวลายาวนาน
ซึ่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นครั้งแรกที่เขียนเรื่องปฏิรูปประเทศลงในรัฐธรรมนูญ อยู่ในหมวด 16 โดยได้เขียนบทกำกับไว้ 2-3 เรื่อง
เรื่องแรกคือกรอบเวลา หลังจากรัฐธรรมนูญประกาศใช้ รัฐบาลจะต้องออกกฎหมายสำคัญ 2 เรื่อง คือกฎหมายว่าด้วยแผนและขั้นตอนการปฏิรูปประเทศ และกฎหมายว่าด้วยยุทธศาสตร์ชาติ ภายใน 120 วัน อีกทั้งหลังจากออกกฎหมาย 2 ฉบับดังกล่าว รัฐบาลต้องลงมือปฏิรูปประเทศภายใน 1 ปี และต้องให้เห็นผลสำเร็จภายใน 5 ปี
ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของประเทศไทยในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเมืองการปกครอง สังคม หรือเศรษฐกิจ
เรื่องที่สอง เพื่อให้เกิดการปฏิรูปประเทศอย่างแท้จริง และไม่ให้ผู้ที่มาบริหารประเทศหลังการเลือกตั้ง ละเลยไม่ทำหน้าที่เหมือนครั้งรัฐธรรมนูญปี 2540 และ 2550 ซึ่งมีนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐแต่ก็ไม่ได้ทำ
ครั้งนี้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในมาตรา 275 รัฐบาลในอนาคตต้องมารายงานความคืบหน้าในการปฏิรูปประเทศต่อรัฐสภาทุก 3 เดือน และสมาชิกวุฒิสภา จะคอยกำกับ ตรวจสอบ เร่งรัดการปฏิรูปประเทศ รวมถึงเลือกนายกรัฐมนตรีตามคำถามพ่วง
เพื่อให้ได้นายกรัฐมนตรีที่สามารถทำงานร่วมกับรัฐสภา ในการขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศอย่างต่อเนื่องได้
อีกทั้ง สนช. ยังมีภารกิจที่จะต้องรับผิดชอบในช่วงเปลี่ยนผ่านการปฏิรูปประเทศ จากรัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติ
ที่กำหนดให้ สนช. ทำหน้าที่ต่อไปจนกว่ามีสภาชุดใหม่หลังจากการเลือกตั้ง ส.ส. ช่วงปลายปี 2560 ต่อด้วยการคัดเลือก ส.ว. เสร็จสิ้น และประชุมรัฐสภาใหม่ เมื่อนั้น สนช. จึงจะสลายตัว
ในระยะปีเศษจากนี้ สนช. มีภารกิจที่จะต้องรับผิดชอบ ด้วยการออกกฎหมายตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ
เพราะมีบทเรียนจากรัฐธรรมนูญปี 2540 และ 2550 ที่ทิ้งค้างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญให้รัฐบาลหน้าเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งก็ไม่ได้ออกกฎหมายตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหรือออกไม่ครบถ้วน ทำให้กลไกการบริหารราชการแผ่นดินเดินได้ไม่เต็มสูบ
อีกประการหนึ่ง เพราะรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เปลี่ยนกฎกติกาในหลายเรื่อง เพื่อผลักดันให้เกิดการปฏิรูปประเทศ ซึ่งจะต้องเปลี่ยนกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกัน เช่น วิธีการเลือกตั้ง ส.ส. กติกาเกี่ยวกับพรรคการเมือง ฯลฯ
และการปฏิรูปประเทศ ที่รัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้าไม่ได้เขียนไว้ แต่ไปอยู่ในหมวดว่าด้วยนโยบายพื้นฐานของรัฐซึ่งก็ไม่ได้ทำ จึงได้เปลี่ยนเพื่อให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
สนช. จึงมีกฎหมายที่จะต้องออกทั้งสิ้น 22 ฉบับ โดยมีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 10 ฉบับ แต่ในรัฐธรรมนูญมีเงื่อนไขว่าให้ออกกฎหมายที่เป็นกลไกและวางกติกาการเลือกตั้งให้เสร็จก่อน 4 ฉบับ
ได้แก่ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
ซึ่ง กรธ. เป็นผู้รับผิดชอบยกร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 4 ฉบับให้เสร็จภายใน 240 วัน และ สนช. จะนำไปพิจารณาในอีก 60 วัน เมื่อเสร็จเรียบร้อยจึงนำไปสู่การเลือกตั้งภายใน 150 วัน
นี่คือเส้นทางเดินจากนี้ไปของประเทศไทย ขณะนี้รัฐธรรมนูญอยู่ระหว่าง กรธ. ส่งร่างฯ ที่แก้ไขใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับคำถามพ่วง ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบภายใน 30 วัน ถ้าถูกต้องเรียบร้อยจึงนำขึ้นทูลเกล้าฯ
ซึ่งกระบวนการต่างๆ เหล่านี้น่าจะเสร็จในเดือน พ.ย. – ธ.ค. 2559 และจะมีการเลือกตั้งปลายปี 2560
ทั้งนี้ นายสุรชัยได้ฝากเรื่องเครือข่ายผู้นำนักประชาธิปไตย นำไปช่วยกันคิดใน 4 เรื่อง ได้แก่ เรื่องการเลือกตั้ง ส.ส. ในรัฐธรรมนูญได้กำหนดวิธีการอย่างไร และคิดว่าควรมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง
เรื่องที่มาของ ส.ว. ซึ่งกำหนดไว้ 2 ประเภท คือ การคัดสรร และการเลือกตั้งกันเองของกลุ่มอาชีพ คิดว่าควรจะมีขั้นตอนและวิธีการอย่างไร
เรื่อง กกต. อำนาจหน้าที่ที่ผ่านมาเป็นอย่างไร มีจุดอ่อน – ช่องโหว่ ซึ่งจะทำให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งต่อไปต้องไม่ใช้เงินต่อสู้กัน ในที่สุดกลายเป็นการเลือกตั้งของกลุ่มทุน ประชาชนระดับล่างไม่มีโอกาสเลยที่จะเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง
และ เรื่องพรรคการเมือง ทำอย่างไรจะทำให้พรรคกลายเป็นสถาบันการเมือง ให้การเมืองมีเสถียรภาพ ผ่านพรรคการเมืองที่ดี มีอุดมการณ์ มีนโยบายที่ดี จริงใจกับประชาชน
นอกจากนี้ ในการสัมมนาเชิงปฏิบัติการตลอด 3 วัน มีการบรรยายในหัวข้อต่างๆ ได้แก่ พระมหากษัตริย์กับการปกครองระบอบประชาธิปไตย โดย พ.อ.วรวุฒิ แสงทอง นายทหารปฎิบัติการประจำมณฑลทหารบกที่ 11 ช่วยราชการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า,
กฎหมายใกล้ตัว โดย นายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช ทนายความและที่ปรึกษากฎหมาย และเคล็ดลับการดูแลสุขภาพสำหรับผู้นำนักประชาธิปไตย โดย นพ.ปัญญา ไข่มุก
กิจกรรมนำเสนอผลงานของเครือข่ายผู้นำนักประชาธิปไตย ทั้ง 30 จังหวัด และผู้ได้รับการสนับสนุนฯ กิจกรรมสังสรรค์เครือข่ายส่งเสริมวัฒนธรรมไทย
การนำผู้เข้าร่วมสัมมนาไปเข้ารับฟังการประชุม สนช. เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์รัฐสภา, การศึกษาเส้นทางประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองของไทย
การร่วมลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง พร้อมเยี่ยมชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง
กิจกรรมสังสรรค์ “เครือข่ายฯ ก้าวไกลสู่สากล” ณ ห้องชมวัง หอประชุมกองทัพเรือ
ในวันสุดท้าย นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. คนที่หนึ่ง เป็นประธานในพิธีปิดการสัมมนาฯ พร้อมมอบเกียรติบัตรให้แก่ผู้ผ่านการสัมมนาฯ ดังกล่าว ร่วมกับ พล.อ.ดนัย มีชูเวท และ พล.ร.อ.ชุมนุม อาจวงษ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ซึ่งสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หวังว่าการจัดสัมมนาครั้งนี้ จะเป็นการเผยแพร่บทบาทของ สนช. เสริมสร้างความเข้าใจในการเมืองและสร้างเครือข่ายฯ เข้มแข็งที่จะมีส่วนร่วมทางการเมืองทุกระดับในอนาคตต่อไป
สาครออนไลน์ โดย สุรางค์ นาคทอง และ กิตติกร นาคทอง