เปิดศึก “การตลาดริมทาง” ขายน้ำดื่มไม่ง้อโมเดิร์นเทรด

IMG_2462

ธุรกิจน้ำดื่ม ถือได้ว่ามีการแข่งขันที่สูง เพราะเป็นการรบกันระหว่างแบรนด์ชั้นน้ำในตลาด อาทิ น้ำดื่มสิงห์ เนสท์เล่ คริสตัลและช้าง ซึ่งมัดกจะพึ่งช่องทางโมเดิร์นเทรด เช่น ห้างค้าปลีก ค้าส่ง หน่วยรถขาย ฯลฯ กับแบรนด์ท้องถิ่น (Local Brand) ที่แม้จะไม่ได้เข้าถึงโมเดิร์นเทรด แต่ก็มีช่องทางการจัดจำหน่าย รวมทั้งกำลังซื้อที่หลากหลายและเข้าถึงกว่า

แม้ว่าทั้งประเทศ น้ำดื่มแบรนด์ท้องถิ่นจะมีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่าแบรนด์ชั้นนำในตลาด แต่ก็เป็นไปในลักษณะกระจัดกระจาย เพราะทั้งประเทศมีผู้ประกอบการท้องถิ่นนับพันราย ส่วนแบ่งการตลาดก็กระจัดกระจายไปด้วย เมื่อตัวเลือกผู้บริโภคมักจะเข้าถึงโมเดิร์นเทรดมากกว่า ทำให้แทบจะไม่มีน้ำดื่มแบรนด์ท้องถิ่นเข้ามาแข่งขันในตลาด นอกจากในฐานะผู้รับจ้างผลิต (OEM)

ถึงกระนั้น การแข่งขันในธุรกิจน้ำดื่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง เฉกเช่นใน จ.สมุทรสาคร ผู้ผลิตน้ำดื่มอย่าง บริษัท คมกริช อินเตอร์ซัพพลาย (2557) จำกัด เจ้าของน้ำดื่มตรา 333 ซึ่งเป็นชื่อที่ไม่คุ้นเคยในตลาด ตัดสินใจเช่าพื้นที่ริมถนนพระราม 2 และถนนเศรษฐกิจ 1 หลายจุด ตั้งแผงค้าน้ำดื่มตรา 333 เล็กๆ ริมถนน เพื่อให้ผู้บริโภคที่สัญจรไปมาได้แวะเวียนเข้ามาซื้อกัน

IMG_3479

จุดเด่นของการทำการตลาดริมทางก็คือ การงัดสงครามราคา ที่สามารถสู้รบกับโมเดิร์นเทรดได้ โดยปัจจุบันน้ำดื่ม 1.5 ลิตร ที่ขายในห้างโมเดิร์นเทรดแพ็ค 6 ขวด หากเป็นยี่ห้อเฮ้าส์แบรนด์ของห้างเอง ราคาเริ่มต้นที่ 45 บาท และยี่ห้อชั้นนำราคาเริ่มต้นที่ 52-62 บาท หากจัดโปรโมชั่นจะเริ่มต้นที่ 39 บาท แต่สำหรับน้ำดื่มตรา 333 จะขายเพียงแพ็กละ 30 บาทเท่านั้น

การทำการตลาดแบบริมทางของน้ำดื่มตรา 333 ทำให้เริ่มมีผู้ประกอบการรายอื่นใน จ.สมุทรสาคร รวมทั้งเขตกรุงเทพมหานคร เริ่มทำการตลาดริมทางกันบ้างแล้ว และบางรายเริ่มตัดราคาเหลือแพ็คละ 28 บาทก็มี ซึ่งส่งผลดีต่อผู้บริโภค เนื่องจากปัจจุบันมีความต้องการน้ำดื่มมากขึ้น จากปัญหาแหล่งน้ำธรรมชาติเสื่อมโทรม อีกทั้งระบบกรองน้ำมีความทันสมัยและค่าใช้จ่ายถูกลง

หากเป็นเช่นนี้ เราอาจจะได้เห็นผู้ผลิตน้ำดื่มแบรนด์ท้องถิ่นทั้งหน้าเก่า และหน้าใหม่ ลงมาแข่งขันในลักษณะเดียวกับการตลาดริมทางมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้บริโภคที่ไม่ได้ยึดติดอยู่กับแบรนด์จะมีตัวเลือกในการบริโภคมากขึ้น พร้อมกับราคาที่ถูกลง

IMG_2461

หมายเหตุ :

การเลือกซื้อน้ำดื่มควรพิจารณาอย่างรอบคอบ ซึ่งมีวิธีสังเกตง่ายๆ เช่น บนฉลากต้องระบุชื่อและสถานที่ผลิตอย่างชัดเจน มีเครื่องหมาย อย. ภาชนะบรรจุต้องสะอาด ไม่รั่วซึมหรือมีรอยสกปรกเปรอะเปื้อน มีฝาที่ปิดผนึกสนิท ไม่มีร่องรายการเปิดใช้ น้ำที่บรรจุอยู่ต้องใสสะอาด ไม่มีตะกอน ไม่มีสิ่งเจือปนอื่นๆ และไม่มีสี กลิ่น รสที่ผิดปกติ

ส่วนการเก็บรักษาหากซื้อมาแล้ว ควรเก็บในที่สะอาด แห้ง และเย็น ปราศจากกลิ่น สารเคมี หลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อน น้ำดื่มบรรจุขวดส่วนใหญ่จะระบุวันหมดอายุไว้ 2 ปี หลังจากวันผลิต เพราะว่าภาชนะบรรจุบางประเภทจะเสื่อมสภาพเมื่อถึงเวลานั้น โดยเฉพาะขวดพลาสติก ซึ่งอาจทำให้รสชาติของน้ำเสียไป



แสดงความคิดเห็น


เงื่อนไขในการแสดงความคิดเห็น
• กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำที่สุภาพ โปรดงดเว้นการใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
• การลบความคิดเห็น ที่ไม่เหมาะสม สามารถกระทำได้ทันที โดยไม่ต้องมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
• ทุกความคิดเห็นไม่เกี่ยวข้องกับผู้ดำเนินการเว็บไซต์ และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้

เรื่องก่อนหน้า-ย้อนหลัง