ฝากถึง “เสี่ยดำ” ใครดูถูก “คนสมุทรสาคร” กันแน่?

747

ผมรู้สึกอเน็จอนาถใจกับคำพูดของ “เสี่ยดำ” สุวิศว์ เมฆเสรีกุล ที่กล่าวอภิปรายในที่ประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2556 ที่ผ่านมา พอๆ กับรู้สึกอับอายขายขี้หน้าเมื่อสวมหัวโขนเป็นถึง ส.ว.สมุทรสาคร

คุณสุวิศว์พูดว่า การสรรหา ส.ว. 74 คน ที่มาจากคณะกรรมการสรรหาทั้ง 7 คน ถือเป็นการดูถูกประชาชน อีกทั้งยังพบว่าบางคนสมัครเข้ามาจนหมดวาระ และยังสามารถกลับเข้ามาทำหน้าที่อีก ถือว่าไม่มีความเป็นธรรมอย่างยิ่ง

ผมอ่านประโยคนี้แล้ว ผมกลับมีความรู้สึกตรงกันข้ามว่า คุณสุวิศว์ทำตัวดูถูกประชาชนอย่างผมมากกว่า!

ผมคงไม่อยากอธิบายถึงที่มาของคำว่า ส.ว.สรรหา เพราะไม่อยากจะเสียเวลาโต้เถียงข้อกล่าวหาที่ว่า รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ไม่เป็นประชาธิปไตย จากชุดความคิดของเสื้ออีกสีหนึ่ง แต่ผมสงสัยจริงๆ ว่า คำพูดของนายสุวิศว์นั้นมีความละอายแก่ใจตัวเองหรือไม่

การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2551 คุณสุวิศว์ได้เป็นสมาชิกวุฒิสภาด้วยคะแนน 68,325 คะแนน เอาชนะ ประดิษฐ สุโชคชัยกุล ซึ่งมี 44,550 คะแนน ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า มีนักการเมืองอาวุโส “ผู้มีบารมี” ในจังหวัดสมุทรสาครหนุนหลัง โดยไม่ต้องบอกก็ได้ว่าใคร

สมาชิกวุฒิสภา เป็นที่ทราบกันดีว่าหน้าที่สำคัญ คือ การกลั่นกรองกฎหมาย ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน เลือก แต่งตั้ง ให้คำแนะนำ หรือให้ความเห็นชอบ ให้บุคคลดำรงตำแหน่งในองค์กรตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ และที่สำคัญ คือ การถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่งระดับสูง

แม้จะอ้างได้ว่า ตัวเองเป็น ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้ง แต่การเอาชนะด้วยการเข้าหา และอาศัยบารมีนักการเมืองอาวุโสคนนั้น มันช่างลักลั่นย้อนแย้งกับบทบาทของสมาชิกวุฒิสภา ที่เป็นถึง “สภาสูง” แต่กลับทำตัวเป็นคนรับใช้การเมืองเสียเอง

นับตั้งแต่ชนะการเลือกตั้ง ได้แต่งชุดขาวเป็นถึง ส.ว.สมุทรสาคร ผมไม่เคยเห็นคุณสุวิศว์ทำอะไรให้คนสมุทรสาครได้เห็นเป็นที่ประจักษ์เลย พอๆ กับที่ผมไม่รู้ว่าคุณสุวิศว์จะทำตัวมีคุณค่าหรือมีประโยชน์ต่อคนสมุทรสาครตรงไหน?

เหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดก็คงจะเป็นวิกฤตอุทกภัยเมื่อปี 2554 นอกเหนือจากภาคประชาชน และภาคเอกชนที่เขาเฝ้าระวังตลอดเวลาแล้ว ไม่รู้เลยหรือว่า ส.ว.สรรหาที่ท่านชี้หน้าด่าในสภาอยู่นี้ เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการเฝ้าระวังน้ำท่วม

747-2

เขาคนนั้นคือ ดร.วิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ ส.ว.สรรหา ผู้ซึ่งคอยเฝ้าระวังน้ำท่วมในพื้นที่ร่วมกับนายกเทศมนตรีนครสมุทรสาคร (ในขณะนั้นคือ คุณกุลวัชร หงษ์คู) นักวิชาการ ทีมงานศูนย์ฝ่าน้ำท่วมฯ และภาคประชาชน ซึ่งเฝ้าระวังอยู่ที่วอร์รูมชั้น 2 เทศบาลนครสมุทรสาครอย่างต่อเนื่อง

แล้วอย่าหาว่ามีเฉพาะ ส.ว.สรรหาเท่านั้น ส.ว.เลือกตั้งอย่าง คุณรสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพมหานคร (ซึ่งมีแนวคิดคนละขั้วกับท่าน) ในช่วงน้ำท่วมยังมีส่วนผลักดันน้ำ โดยร่วมกับมูลนิธิเครือซีเมนต์ไทย ประสานช่วยไล่น้ำท่วมจากฝั่งธนบุรีลงมาสู่อ่าวไทย

ที่สำคัญ ดร.วิชาญ ยังเป็นตัวแทนคนสมุทรสาคร ขึ้นอภิปรายถึงแผนการแก้ไขและรับมือน้ำท่วมจังหวัดสมุทรสาคร และฝั่งตะวันตกของกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งยื่นเรื่องขอการสนับสนุนจาก นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในสภาอีกด้วย

แม้ข้อเสนอจะล้มเหลวแต่ ดร.วิชาญก็ถือว่าได้เป็นปากเป็นเสียงแทนคนสมุทรสาคร แบบชนิดที่ว่าไม่มี ส.ส.หน้าไหน ทั้งฝั่งพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์จะลุกขึ้นมาพูด และแม้การเป็นปากเป็นเสียงจะไม่ใช่หน้าที่หลักของ ส.ว. แต่ก็ถือเป็นความพยายามสะท้อนปัญหาให้เป็นที่รับรู้ในสภา

ไม่รู้ว่า คุณสุวิศว์ ที่กล้าพูดว่าเป็น ส.ว.เลือกตั้ง แต่ไม่กล้าออกหน้าให้คนสมุทรสาครได้เห็น ทำได้อย่างเขาหรือไม่?

ที่สำคัญ นับตั้งแต่ที่คุณสุวิศว์ได้เป็น ส.ว.สมุทรสาคร ผมยังไม่เห็นเลยว่าคุณสุวิศว์จะออกงานสังคมตรงไหน หลังน้ำท่วมผ่านไปก็มีแต่อิ้งค์เจ็ทสวัสดีปีใหม่ให้เหยียบหน้าคนสมุทรสาครเล่นๆ เสมือนว่าตนเองยังไม่ตาย ยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าอยู่กันแบบถ่วงความเจริญของคนสมุทรสาครหรือไม่

แล้วอย่าอ้างว่าทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการแรงงานและสวัสดิการสังคม วุฒิสภา ซึ่งมันเป็นหน้าที่อยู่แล้วนอกจากประชุมทุกสัปดาห์ กับไปดูงานต่างจังหวัด ต่างประเทศ แต่บทบาทนอกเหนือจากหน้าที่ ทำอะไรให้คนสมุทรสาครได้เห็น เสมือนเป็นตัวแทนคนสมุทรสาครทั้งจังหวัดบ้าง

ที่ผ่านมา คนสมุทรสาครต่างถูกหลอกกับเรื่อง ส.ว.เลือกตั้งมาแล้วถึง 2 คน นอกเหนือจากนายสุวิศว์ก็เป็นอดีตผู้ว่าฯ สมุทรสาคร รายหนึ่ง หลังเกษียณกินเงินบำนาญแล้วก็ลงสมัคร ส.ว.สมุทรสาคร ทั้งที่บ้านอยู่ที่หลักสี่ กรุงเทพมหานคร และได้รับการเลือกตั้ง จากนั้นเป็นต้นมาก็หนีหายไปจากสมุทรสาคร

สาเหตุง่ายๆ เพราะไม่ใช่คนสมุทรสาคร ไม่ใช่คนพื้นที่ เหมือนมาอาศัยสมุทรสาครเพื่อไต่เต้าทางการเมือง พอๆ กับการที่กระทรวงมหาดไทยส่งผู้ว่าฯ วัยไม้ใกล้ฝั่งมาที่นี่เพื่อรอวันเกษียณ กลายเป็นจังหวัดที่มีการพัฒนาต่ำ สวนทางกับรายได้มวลรวมประชากร หรือจีดีพี ที่พุ่งสูงขึ้นเป็นอันดับต้นๆ

ในเมื่อคุณสุวิศว์กล้าพูดในสภาอย่างไม่อายปากว่า ส.ว.สรรหา ถือเป็นการดูถูกประชาชน เราก็มีสิทธิ์พูดได้ว่า ส.ว.เลือกตั้งที่กินเงินเดือนเป็นแสนๆ จากภาษีประชาชน แต่ไม่กล้าสู้หน้าทำหน้าที่แทนคนสมุทรสาคร ทำให้คนสมุทรสาครได้เห็น อย่างนี้ยิ่งกว่าดูถูกคนสมุทรสาครทั้งจังหวัดหรือไม่?

ถ้าตอบไม่ได้ ก็กลับไปขายเหล็กเส้นอยู่กับบ้านเถอะครับ อย่ามาสภาให้อับอายขายขี้หน้า ให้เปลืองภาษีประชาชนอีกเลย!

• กิตตินันท์ นาคทอง •



แสดงความคิดเห็น


เงื่อนไขในการแสดงความคิดเห็น
• กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำที่สุภาพ โปรดงดเว้นการใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
• การลบความคิดเห็น ที่ไม่เหมาะสม สามารถกระทำได้ทันที โดยไม่ต้องมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
• ทุกความคิดเห็นไม่เกี่ยวข้องกับผู้ดำเนินการเว็บไซต์ และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้

เรื่องก่อนหน้า-ย้อนหลัง