เรื่องราวที่พากันผวากับพฤติกรรมนักโทษหนีคุกครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อช่วงสายวันที่ 29 พ.ค. เมื่อนักโทษคดีจำหน่ายยาเสพติด นายกฤษณะ หรือหรั่ง แก้วชิงดวง อายุ 39 ปี หลบหนีออกจากโรงพยาบาลสมุทรสาคร
ชิงรถจักรยานยนต์บริเวณหน้าร้านขายยา ด๊อกเตอร์เภสัช ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม หลบหนีไปอย่างลอยนวล
ก่อนหน้านี้ นายกฤษณะ หรือ หรั่ง ถูกส่งตัวจากเรือนจำพิเศษธนบุรี เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร เมื่อเวลา 21.45 น. ของคืนวันที่ 28 พ.ค. ด้วยอาการปวดท้องข้างขวาและมีไข้
ทางแพทย์ได้รับตัวไว้นอนดูอาการเพื่อรอการรักษาที่ห้องศัลยกรรมชาย 2 ชั้น 3 โดยมีนายวัฒนศักดิ์ สงค์ประชา อายุ 49 ปี เจ้าพนักงานราชทัณฑ์ชำนาญการ เรือนจำพิเศษธนบุรี เป็นผู้คอยเฝ้าคุมตัว
ปรากฎว่าเช้าวันรุ่งขึ้น นายหรั่ง ซึ่งแต่งกายในชุดคนไข้ของโรงพยาบาล ทำทีเป็นปวดท้อง แล้วขออนุญาตผู้คุมเข้าห้องน้ำ ผู้คุมจึงปลดโซ่ตรวนออกให้ แล้วเดินไปหยิบเครื่องช่วยพยุง
อาศัยจังหวะนี้วิ่งหลบหนีลงมาข้างล่าง ออกจากโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
จังหวะนั้นเอง พนักงานของร้านขายยาด๊อกเตอร์เภสัช ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าสกู๊ปปี้ไอ สีฟ้าน้ำเงิน ของเจ้าของร้าน กลับจากไปซื้อของกินที่ตลาด
นายกฤษณะวิ่งข้ามถนน ก่อนเข้าจู่โจมแย่งกุญแจที่รถ พร้อมกับผลักพนักงานร้านอย่างรุนแรง ชิงรถจักรยานยนต์หลบหนีไป
กระทั่งช่วงบ่าย พลเมืองดีพบรถจักรยานยนต์ที่นายหรั่งชิงมาจากร้านขายยา จอดไว้ที่วัดหนองแขม เขตหนองแขม กรุงเทพฯ พร้อมกับกุญแจรถ และกางเกงชุดคนไข้โรงพยาบาล ถูกพับไว้อยู่ในช่องใส่ของด้านหน้ารถ
ผู้เห็นเหตุการณ์แจ้งว่า นายกฤษณะได้เปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดผู้ป่วย เป็นเสื้อยืดคอกลมสีขาว กางเกงขาสั้นสีดำ ขึ้นรถแท็กซี่หลบหนีไป
ประวัติของนายกฤษณะ หรือนายหรั่ง เมื่อปี 2557 เคยต้องโทษตามหมายจับศาลจังหวัดสุพรรณบุรี คดีข่มขืนกระทำชำเราและกระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี แต่พ้นโทษออกมาแล้ว
ความพยายามในการติดตามคนร้าย มาพร้อมกับการขอความร่วมมือจากญาติและบุคคลใกล้ชิด เกลี้ยกล่อมขอให้นายหรั่งเข้ามอบตัว โทษหนักจะได้เป็นเบา
หนึ่งในนั้นคือบิดาวัย 60 ปี ชาวบ้าน ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ที่ต่างรู้สึกร้อนใจไม่แพ้กัน ถึงขนาดไปบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างเช่นหลวงพ่อวัดไร่ขิง ดลบันดาลให้ลูกชายคนนี้ยอมเข้ามอบตัว
จากการเปิดเผยของบิดานายหรั่ง ทำให้ทราบว่า ที่ผ่านมาลูเคยติดคุกมาแล้ว มากกว่านี้ก็ยอมอยู่เรือนจำแต่โดยดี ถ้าการแหกคุกเป็นเพราะกลัวความผิด ในคดีล่าสุด จำหน่ายยาบ้า 17 เม็ดนั้นไม่ใช่แน่นอน
ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ “ภรรยาใหม่” ของนายหรั่ง เพราะก่อนหน้าที่จะหนีคุก 1 วัน ภรรยาคนนี้ก็เพิ่งไปหาที่เรือนจำ แต่ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน นายหรั่งจึงตัดสินใจแหกคุกออกมา
ที่ผ่านมา นายหรั่งอยู่กินกับภรรยาใหม่คนนี้มาได้ 3 ปี เคยเป็นคนดูแลตลาดนัดย่านหนองแขม มีรายได้แต่ละเดือนกว่า 1 หมื่นบาท พอหามาได้ก็ให้ภรรยาใหม่เก็บไว้
แต่มาระยะหลังเศรษฐกิจไม่ดี เงินทองได้มาน้อยลง ทำให้มีปัญหากัน กระทั่งถูกจับกุมด้วยข้อหาจำหน่ายยาเสพติด พร้อมของกลางยาบ้า 17 เม็ด เมื่อ 3 เดือนก่อน อยู่ระหว่างการตัดสินคดีของศาล
บิดานายหรั่ง กล่าวเมื่อตอนเช้าวันที่ 30 พ.ค. วอนให้นายหรั่งมามอบตัว พ่อและทุกคนพร้อมที่จะอยู่เคียงข้าง การหลบหนีไม่ใช่ทางออกที่ดี ไม่มีประโยชน์ อย่าหนีเพราะอย่างไรก็ไม่รอด
ผ่านไปไม่ทันไร นายหรั่งก็ตัดสินใจกลับบ้านที่ ต.สวนหลวง บิดาจึงรีบนำตัวกลับไปยังเรือนจำพิเศษธนบุรีเพื่อมอบตัวในทันที
เจ้าหน้าที่เรือนจำได้ตรวจปัสสาวะในค่ำวันเดียวกัน ไม่พบสารเสพติดเมื่อสอบถามว่าหลบหนีทำไม นายหรั่งให้เหตุผลว่า “กลัวภรรยาจะไปมีแฟนใหม่ และจะไม่กลับมาเยี่ยมอีก”
เบื้องต้นทางเรือนจำ ลงโทษนายหรั่งด้วยการตัดสิทธิการเยี่ยมญาติ และจะถูกดำเนินคดีวิ่งราวทรัพย์ผู้อื่น จากการชิงรถจักรยานยนต์ของร้านขายยาต่อไป
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ย้ำว่า “การที่ผู้ต้องขังก่อเหตุหลบหนี ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง”
จากนี้จะเพิ่มความระมัดระวังในการควบคุมผู้ต้องขัง ระหว่างออกไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล หรือทำกิจกรรมอื่นนอกเรือนจำ และเพิ่มมาตรการที่เหมาะสมในการป้องกันเหตุ เพื่อให้การควบคุมผู้ต้องขังมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
สำหรับการหลบหนีระหว่างคุมขัง หากถูกจับได้จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย อีกทั้งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลบหนี ให้การสนับสนุน หรือให้ที่พักอาศัยจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วยเช่นกัน
เรื่องนี้จบลงแบบไม่เสียเลือดเนื้อ ตรงที่นายหรั่งยังคิดได้ ตัดสินใจกลับมาหาพ่อ จึงกลับเข้าเรือนจำแต่โดยดี เปรียบดังสำนวน “There’s no place like home” ไม่มีที่ไหนเหมือนบ้าน
เป็นกรณีศึกษาที่เรือนจำทุกแห่ง จะต้องระวังเล่ห์เหลี่ยมของนักโทษ ที่หวังจะหลบหนีออกจากคุกมากขึ้น
-กองบรรณาธิการสาครออนไลน์-