เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า เปิดปม “ไฟไหม้นาดี” 5 ครั้ง หน.บรรเทาฯ เล่นแง่ “รถดับเพลิงเก่า”

กรณีที่นายอธิวัฒน์ เผือกเล็ก กำนันตำบลนาดี นำผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้าน ต.นาดี อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร ออกมาขับไล่ จ.อ.สุทธิพันธ์ แก้วมีศรี หัวหน้างานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นเรื่องที่น่าสนใจ

เนื่องจากในพื้นที่เทศบาลตำบลนาดี เกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่มากถึง 5 ครั้ง แต่ หน.บรรเทาสาธารณภัย กลับเพิกเฉยด้วยสารพัดเหตุผล เช่น รถไม่พร้อมใช้งาน รถชำรุด รถเสียไม่ได้ซ่อม หรือล่าสุด รถไม่มีน้ำมัน

แต่เมื่อมองย้อนไปถึงสาเหตุที่แท้จริง พบว่าเกิดจากความขัดแย้งระหว่าง หน.บรรเทาสาธารณภัย กับ พ.จ.อ.อัษฎางค์ วิเศษวงศ์ษา ปลัดเทศบาล ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลนาดี ในปัจจุบัน

อันที่จริง ความขัดแย้งระหว่าง “ปลัดเทศบาล” กับ “หน.บรรเทาสาธารณภัย” เกิดขึ้นมานานแล้ว นับตั้งแต่ที่ พ.จ.อ.อัษฎางค์ ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลนาดี ช่วงที่เกิดสูญญากาศการเมืองจากคดีทุจริตเลือกตั้ง

ที่ผ่านมา เทศบาลตำบลนาดี มีรถดับเพลิง 2 คัน ขนาด 10,000 ลิตร ได้แก่ “สี่วา 1” จัดซื้อเมื่อปีงบประมาณ 2546 อายุการใช้งานกว่า 16 ปี และ “สี่วา 2” จัดซื้อเมื่อปีงบประมาณ 2550 อายุการใช้งาน 10 ปี

รถดับเพลิงทั้ง 2 คัน มีสภาพบุโรทั่ง ใช้ไปพังไป พังแล้วก็ซ่อมอีก คันแรกพังลงเมื่อช่วงสงกรานต์ปี 2559 ส่วนคันที่สอง พังลงเมื่อปลายปี 2559 พอดี

ผลก็คือ ตำบลนาดีไม่มีรถดับเพลิงใช้สักคัน ทั้งที่เป็นตำบลขนาดใหญ่ มีชุมชนและโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมากนับร้อยโรงงาน

ที่ผ่านมา ชาวบ้านเรียกร้องให้จัดซื้อรถดับเพลิง 2 คัน ได้แก่ คันใหญ่ขนาด 12,000 ลิตร 1 คัน ในปีงบประมาณ 2560 และคันเล็กขนาด 6,500 ลิตรอีก 1 คัน ในปีงบประมาณ 2561

โดยผ่านประชาคม และผ่านความเห็นชอบจากสภาเทศบาลตำบลนาดีไปแล้ว แต่ได้รับการปฏิเสธจาก หน.บรรเทาสาธาณภัย อ้างว่ารถที่ได้มีขนาดใหญ่เกินไป!

พร้อมกันนี้ หน.บรรเทาสาธารณภัย ก็เสนอให้ซ่อมรถดับเพลิง “สี่วา 1” ที่มีอายุการใช้งาน 16 ปี ในตอนนั้นปลัดเทศบาลก็อนุมัติเห็นชอบโดยหลักการ

แต่ผลที่ได้ก็คือ รายการเสนอซ่อมรถดับเพลิงจาก หน.บรรเทาสาธารณภัย กลับพบว่ารายการซ่อมมีมากมายหลายรายการ แม้กระทั่งทำสีใหม่ คิดเป็นค่าซ่อมพุ่งสูงถึงเกือบ 4 แสนบาท!

เมื่อปลัดเทศบาลเห็นว่า ควรที่จะซ่อมโดยไม่ต้องทำสี จึงให้ หน.บรรเทาสาธารณภัย ทบทวนและส่งเรื่องขึ้นมาใหม่ แต่อีกฝ่ายก็ยืนยันว่า ต้องทำสีใหม่ด้วยถึงจะทำเรื่องซ่อม

ระหว่างนั้น ปลัดเทศบาลก็อาศัยหยิบยืมรถดับเพลิงใกล้เคียง อย่างเทศบาลตำบลบางปลามาใช้ 1 คันไปพลางๆ ก่อน

ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องไฟไหม้ ยังมีปัญหาน้ำท่วมขังหลังฝนตก แม้ชาวบ้านจะขอให้ช่วยสูบน้ำที่ท่วมขังอยู่บ่อยครั้ง แต่ฝ่ายบรรเทาสาธารณภัยกลับไม่มีการสูบน้ำช่วยชาวบ้านแต่อย่างใด

โดยอ้างว่าเครื่องเสีย ไม่มีน้ำมันเชื้อเพลิง และปลัดเทศบาลไม่อนุมัติ ทั้งๆ ที่ฝ่ายบรรเทาสาธารณภัยจะต้องทำเรื่องขอจัดซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อใช้กับเครื่องสูบน้ำต่อปลัดเทศบาลก่อน

นอกจากนี้ การล้างท่อระบายน้ำ และการล้างถนนที่มีดินติดอยู่ ฝ่ายบรรเทาสาธารณภัยก็ยังเพิกเฉย

ส่วนบรรยากาศภายในฝ่ายบรรเทาสาธารณภัย โดยเฉพาะพนักงานดับเพลิง ก็มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก ส่วนหนึ่งเคยทำงานอุทิศตนทุกครั้งที่ชาวบ้านเดือดร้อน เมื่อจะออกไปช่วยชาวบ้าน กลับถูกห้ามออกมา

เหตุเพราะ หน.บรรเทาสาธารณภัย พยายามใช้อำนาจต่อรองกับปลัดเทศบาล ถ้าใครฝ่าฝืนยังออกมาช่วยชาวบ้าน ก็ขู่ว่าจะไม่ต่อสัญญาจ้าง จึงมีทั้งพนักงานที่ต้องการเอาใจหัวหน้า กับพนักงานที่จำต้องยอมอยู่นิ่งๆ

ครั้งหนึ่ง หน.บรรเทาสาธารณภัย ถึงขนาดเรียกนักข่าวมาทำข่าว เพื่อกดดันให้ปลัดเทศบาลออกมารับผิดชอบ เร่งรัดให้ซ่อมรถดับเพลิงเก่าทั้ง 2 คันตามที่เสนอ

โดยพบว่า น.ส.นิตยา พุ่มเจริญ หัวหน้าสำนักปลัดเทศบาล และกองคลัง ออกมาสนับสนุนฝ่าย หน.บรรเทาสาธารณภัย ต่อหน้าสื่อมวลชนว่า สมควรซ่อมรถดับเพลิงทั้งสองคันตามที่ร้องขอ

หน.บรรเทาสาธารณภัย กล่าวหาว่า การจัดซื้อรถดับเพลิงครั้งนี้ เพื่อหวังเงินเปอร์เซ็นต์ ทั้งๆ ที่ปลัดเทศบาลยังไม่ได้กำหนดเลยว่าจะซื้อรถดับเพลิงมาจากไหนด้วยซ้ำ

ฟางเส้นสุดท้ายที่ชาวบ้านและกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ถึงกับออกมาขับไล่ก็คือ เหตุเพลิงไหม้โรงงานพีพีแอล รับเบอร์ แอนด์ ฟุตแวร์ ซอยราษฎร์สามัคคี ในพื้นที่หมู่ 9 ต.นาดี สร้างความเสียหายกว่า 60 ล้านบาท

พบว่ารถดับเพลิงที่เข้าไประงับเหตุ มาจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่อื่น ส่วนพนักงานดับเพลิงตำบลนาดี ทำได้เพียงแค่ไทมุง เพราะไม่มีรถดับเพลิงเป็นของตัวเอง

หนังสือพิมพ์ “เสียงสาคร” ฉบับเดือนธันวาคม 2560

ลงข่าว “ระทึกเผาวอด รง.รองเท้า 1 ปี นาดีไหม้ 5 ครั้ง”

เมื่อชาวบ้าน และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เห็นแบบนี้ทนไม่ได้ จึงออกมาขับไล่ทั้ง หน.บรรเทาสาธารณภัย รวมทั้ง หัวหน้าสำนักปลัด ปฏิบัติหน้าที่ไม่เต็มความสามารถ และสร้างความขัดแย้งออกไปจากพื้นที่

ต้องดูกันต่อไปว่า ภายใน 7 วันนับจากนี้ นายอำเภอเมืองสมุทรสาคร ในฐานะเป็นผู้กำกับดูแลจะมีข้อยุติอย่างไร แต่ที่แน่ๆ ชาวบ้านตำบลนาดีต้องบอบช้ำกับเรื่องนี้มากเกินพอแล้ว

– กองบรรณาธิการสาครออนไลน์ –

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *