สมุทรสาครตกขบวน “ภาษีท่องเที่ยว” ซัดไม่เสมอภาค แต่ ททท. ยืนยันไม่ทอดทิ้ง

มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองรอง ที่ให้นำค่าใช้จากการท่องเที่ยวปี 2561 มาลดหย่อนภาษีสูงสุด 15,000 บาท ทั้งค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าบริการนำเที่ยว จังหวัดสมุทรสาครไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ตรงนี้

ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า เอาอะไรมาเป็นหลักเกณฑ์ว่าเป็นจังหวัดเมืองหลักหรือเมืองรอง แม้จะเป็นเพราะถูกเหมารวมว่าเป็นจังหวัดปริมณฑล เช่นเดียวกับกรุงเทพมหานคร

ทำเอา อินทิรา วุฒิสมบูรณ์ อดีตผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสมุทรสงคราม ชี้แจงก่อนอำลาตำแหน่งว่า ททท. สำนักงานใหญ่เป็นผู้วิเคราะห์ และจัดให้สมุทรสาครอยู่ในเมืองหลัก

เหตุเพราะมีผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) สูงเป็นอันดับ 2 ของภาคกลาง และอันดับ 6 ของประเทศไทย มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงถึง 364,354 บาทต่อคนต่อปี

หลังการจัดอันดับเมืองรอง มีผู้ว่าราชการจังหวัดหลายคน ถามไปถึงผู้ว่าการ ททท. ว่า ถ้าจังหวัดของตนไม่ได้เป็นเมืองรอง แล้วจะไม่ทำการประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวให้แล้วหรือ

ททท. ยืนยันว่า การจัดเมืองหลัก ไม่ได้หมายความว่าจะโดนทอดทิ้งหรือปล่อยปละละเลย ททท. ก็คงจะต้องทำประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยวกันต่อไป โดยเฉพาะเมืองหลัก ผู้ว่า ททท. ก็มีนโยบายว่าจะต้องเข้ามาช่วยเมืองรอง

ที่สำคัญ ททท. จะยังคงให้การสนับสนุนกิจกรรมของ จ.สมุทรสาคร เหมือนเดิม ทั้งเทศกาลไหว้เจ้า 9 ศาลเทศกาลกินเจ เทศกาลปลาทูอร่อยที่ท่าฉลอม และเทศกาลอาหารทะเลสมุทรสาคร เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า ทางจังหวัดไม่ได้วิตกกับเรื่องนี้มากนัก พรรณพิมล ฉายาจิตชยวัศ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสมุทรสาคร ระบุว่า การจัดสรรงบประมาณฟังก์ชันจากกระทรวงมายังจังหวัดยังคงเท่าเดิม

การกำหนดให้จังหวัดใดเป็นเมืองรองนั้น อยู่ที่ความเห็นของคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งชาติ ดูที่รายได้จากการท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยว และดัชนีชี้วัดผลิตภัณฑ์มวลรวมด้านการท่องเที่ยว

แต่ความเห็นจาก สุนทร วัฒนาพร นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวและประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดสมุทรสาคร กลับเห็นแย้งกับมาตรการภาษีที่เกิดขึ้น

โดยย้ำว่า ไม่ควรแยกเมืองประเภทใดประเภทหนึ่งและไม่ควรให้จังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง แต่ควรออกมาเป็นมาตรการเสมอกันทั่วประเทศ เพราะจะช่วยเอื้อประโยชน์ให้กับร้านอาหาร โรงแรมที่พัก อย่างเสมอภาค

พ.ต.ท.สุรินทร์ ชัยพานิช รองประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรสาคร เสนอว่า ถ้าจะให้จังหวัดสมุทรสาครเป็นเมืองหลัก ก็ไม่ควรเป็นเฉพาะนโยบายด้านการท่องเที่ยวเท่านั้น

ถ้าจะเป็นเมืองหลัก ก็ควรให้เป็นเมืองหลักด้านการปกครอง โดยใช้อำนาจตามมาตรา 44 ประกาศให้เป็นเขตปกครองพิเศษเพื่อพัฒนาตนเองได้เหมือน กทม.

เชื่อว่า จะเกิดทั้งผลดีและมีความสามารถในการบริหารจัดการด้านการจราจร ถนน ระบบระบายน้ำ การจัดการอาคารการจัดการชุมชน การจัดการสาธารณูปโภคต่างๆ ได้ดีกว่าสภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ในปี 2559 จังหวัดสมุทรสาคร มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว แบ่งเป็นคนไทย 145,767 ราย ชาวต่างชาติ 1,245,336 ราย รวม 1,391,103 ราย คิดเป็นรายได้รวม 1,971.74 ล้านบาท

น่าคิดว่า มาตรการภาษีที่เกิดขึ้น จะทำให้นักท่องเที่ยวชาวไทยนับแสนคนลดลง เปลี่ยนไปให้ความสนใจกับแหล่งท่องเที่ยวทำเลอื่นหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าคิดอย่างยิ่ง.

– สุรพล ระวิวงษ์ / กิตตินันท์ นาคทอง –

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *