ค้นบ้าน “ผู้ใหญ่เรืองฤทธิ์” สางปมฮั้วประมูลรถดูดโคลน

ขอบคุณภาพ : สปริงนิวส์

กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (ป.ป.ป.) นำโดย พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา เปิด “ยุทธการปราบฮั้ว ครั้งที่ 3” เมื่อเช้าวันที่ 11 เม.ย.

นำกำลังตำรวจและทหารกว่า 140 นาย ตรวจค้นเป้าหมาย 10 จังหวัด เน้นไปที่การจัดซื้อจัดจ้างรถดูดโคลน ได้แก่ ชลบุรี นนทบุรี ระยอง สมุทรปราการ สิงห์บุรี ศรีสะเกษ เพชรบุรี เชียงใหม่ พิษณุโลก และ สมุทรสาคร

ผลปฏิบัติการลงพื้นที่ตลอดวัน พบว่า มีการแจ้งข้อกล่าวหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 กับอดีตผู้บริหารท้องถิ่น 2 จังหวัด ได้แก่ ระยอง และ เพชรบูรณ์

ส่วนการตรวจค้น มีการอายัดเอกสารบางส่วนมาตรวจสอบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฮั้วประมูลหรือไม่ 2 จังหวัด คือ เชียงใหม่ และ เพชรบูรณ์ นอกนั้นอีก 8 จังหวัดไม่พบหลักฐาน

ส่วนจังหวัดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดยังไม่มาร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ในฐานะผู้เสียหาย เหลืออีก 4 จังหวัด คือ เชียงใหม่ สมุทรสาคร สิงห์บุรี และ ศรีสะเกษ

ในส่วนของจังหวัดสมุทรสาคร พ.ต.อ.จักษ์ เพ็งสาธร รอง ผบก.ปปป. พร้อมคณะนำหมายค้นจากศาลอาญาทุจริตประพฤติมิชอบกลาง เข้าค้นที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 ต.ท่าทราย อ.เมืองฯ ของนายเรืองฤทธิ์ อุบลไทร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.ท่าทราย

ระหว่างตรวจค้น นายอนุวัฒน์ อุบลไทร ทนายความเดินทางมาถึง ก่อนเชิญผู้สื่อข่าวออกนอกรั้วบ้าน ให้เฉพาะเจ้าหน้าที่ทำการตรวจค้น ใช้เวลา 2 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ

พ.ต.อ.จักษ์ ระบุว่า เรื่องนี้เนื่องจากเมื่อปี 2556 นายเรืองฤทธิ์ ดำรงตำแหน่งนายก อบต.ท่าทราย เป็นช่วงที่มีการจัดซื้อจัดจ้างรถดูดโคลน จึงขอหมายศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เข้าตรวจค้นเพื่อหาหลักฐาน

ด้านนายอนุวัฒน์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่ายังไม่ได้มีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ถ้านายเรืองฤทธิ์ถูกกล่าวหาหรือตกเป็นผู้ต้องหา และมีหมายเรียกก็ยินดีเข้าไปอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 3 เม.ย. นายไพศาล ขจรเวชกุล นิติกรท้องถิ่น อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.จักษ์ ที่ บก.ปปป. เพื่อขอรับทราบรายละเอียด นำไปให้นายอำเภอตรวจสอบและร้องทุกข์อีกครั้ง

นายไพศาล เปิดเผยว่า บก.ปปป. ทำหนังสือถึงนายอำเภอเมืองสมุทรสาคร ก่อนตนได้รับมอบหมายให้มาพบ เพื่อสอบถามข้อมูลการทุจริตฮั้วประมูล เพื่อนำเสนอนายอำเภอ ก่อนสรุปข้อมูลส่งให้ นายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครตามขั้นตอน

โดยกรณี อบต.ท่าทราย ที่ถูกระบุว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฮั้วประมูลรถดูดโคลนนั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบก่อนหน้านี้มีการร้องเรียนมาบ้าง แต่เป็นการร้องเรียนด้วยปากเปล่า

ลักษณะคือ คู่แข่งการประมูลมาพูดร้องว่าบริษัทคู่แข่งมีการทุจริตแบบนั้นแบบนี้ แต่ไม่ได้มีเอกสารหรือร้องอย่างเป็นทางการ และมี 7 บริษัทเกี่ยวข้องในการประมูลงานที่ อบต.ท่าทราย

หลังจากที่เป็นข่าว ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้สั่งการให้ทั้ง 3 อำเภอตรวจสอบภายในทั้งหมด โดยเฉพาะ อปท. 38 แห่งใน 3 อำเภอ

ประเด็นการตรวจสอบฮั้วประมูลเกิดขึ้นจากเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2558 คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายไพรัตน์ วิพัฒน์ครุฑ ซึ่งขณะนั้นเป็นปลัด อบต.ไทรน้อย จ.นนทบุรี บาดเจ็บสาหัส

ชุดสืบสวนคลี่คลายคดี พบชนวนเหตุมาจากนายไพรัตน์ ไปร้อง ป.ป.ช. เรื่องการจัดซื้อรถดูดโคลนราคา 17 ล้านบาท ส่อไปในทางทุจริต เนื่องจากราคาต้นทุนคันละ 7 ล้านบาท บวกกำไรและภาษีแค่ 11-12 ล้านบาท

จากนั้น พ.ต.อ.จักษ์ เพ็งสาธร ขณะนั้นเป็นพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาลงไปตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างของ อบต.ไทรน้อย กระทั่งพบการทุจริตในหลายพื้นที่

ที่ผ่านมา บก.ปปป. ดำเนินคดีกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปแล้ว 21 แห่ง ส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. ดำเนินการไปแล้ว 20 แห่ง เหลืออีก 1 แห่งอยู่ระหว่างดำเนินการ

กระทั่งลอต 2 มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 12 แห่งใน 10 จังหวัด มีพฤติกรรมขายรถดูดโคลนไม่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม และตัวแทนจำหน่ายไม่ผ่านคุณสมบัติตามที่กำหนด

ปกติการจับกุมขบวนการฮั้วประมูลตรวจสอบได้ยากมาก แต่รัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญในการปราบปรามทุจริต จึงสามารถประสานความร่วมมือจากหลายหน่วยงานจนพบพฤติกรรมการกระทำความผิดได้ชัดเจน

แม้ในส่วนของ อบต.ท่าทราย ฝั่งของจังหวัดสมุทรสาครจะระบุว่า “เป็นการร้องเรียนด้วยปากเปล่า” แต่ก็ต้องดูว่า บก.ปปป. จะทำอย่างไรกับคดีนี้ เพราะสะเทือนต่อการเมืองท้องถิ่นในวันข้างหน้า

– กิตตินันท์ นาคทอง –

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *