คำถามคาใจ “โรงพักกระทุ่มแบน” ทำไมปล่อยนักเที่ยวนับร้อยมั่วยา “นอสผับ” อ้อมน้อย?

กลายเป็นข่าวฉาวสั่นสะเทือนทั้งจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย นำกำลังฝ่ายปกครอง เข้าปิดล้อมจับกุมสถานบันเทิงชื่อดัง “นอสผับ” (NOS PUB) ถนนเพชรเกษม ย่านอ้อมน้อย

หลังได้รับการร้องเรียนว่า ผับแห่งนี้เปิดเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด ปล่อยปละละเลยให้มีการเสพยาเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท จึงได้สืบสวนเรื่องดังกล่าว ก่อนนำไปสู่ปฏิบัติการจับกุม

งานนี้นำโดย นายพิริยะ ฉันทดิลก ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ นายณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการส่วนกำกับสืบสวนและปราบปราม พร้อมทหารจากกองทัพภาคที่ 1 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลจากชุดปฏิบัติการกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ระบุว่า จากข้อมูลการสืบสวนพบว่า นอสผับมักเปิดให้บริการเกินเวลาจนถึงตีสาม ปล่อยปละละเลยให้เสพยาเสพติดภายในสถานบริการ

โดยเฉพาะในห้องน้ำ เมื่อนักเที่ยวเสพยาเสพติดเรียบร้อยแล้ว พนักงานทำความสะอาดจะรีบทำความสะอาดและกำจัดอุปกรณ์การเสพที่ทิ้งอยู่ทันที เพื่อไม่ให้เป็นหลักฐานว่าสถานบริการรู้เห็นกับผู้ใช้บริการ

ดีเดย์วันศุกร์แห่งชาติ 10 ส.ค. 2561 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง สวมวิญญาณสายลับ แฝงตัวเป็นนักเที่ยวปะปนไปกับผู้คน ที่กำลังกินดื่มอย่างสนุกสนาน เพื่อเก็บข้อมูลและส่งสัญญาณถึงชุดจับกุม

กระทั่งตีหนึ่งคืนวันเสาร์ ซึ่งเป็นเวลาที่ผับจะต้องปิดทำการตามกฎหมาย ปรากฎว่ายังคงไม่มีทีท่าที่จะเช็คบิลลูกค้าและปิดทำการแต่อย่างใด นักเที่ยวยังคงดื่มกินและเต้นกันอย่างเมามันตามจังหวะดนตรีของทางร้าน

หนำซ้ำ ยังคงจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปกติ แม้ว่าจะเลยเวลาจำหน่ายตามกฎหมาย คือหลังเที่ยงคืนไปแล้ว จึงให้สัญญาณแก่ชุดจับกุมเข้าดำเนินการตรวจสอบจับกุม

ตีหนึ่งครึ่ง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเดินทางมาถึง ก็ยังพบว่าเปิดให้บริการตามปกติ นักเที่ยวกว่า 800 คน ยังคงดื่มกิน เต้นกันอย่างเมามัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจึงแสดงตัวขอตรวจสอบ ให้ปิดเสียงดนตรี และเปิดไฟภายในร้าน

ทำเอาบรรดานักท่องเที่ยวที่กำลังเคลิ้มต่างแตกตื่น คนที่พกทั้งไอซ์ ยาอี ยาเคตามีน และยาทรามาดอน ต่างก็โยนยาเสพติด วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท และอุปกรณ์การเสพ ทิ้งลงพื้นเกลื่อนกลาด

ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะนำตัวนักเที่ยวแยกชายหญิง เพื่อตรวจสารเสพติดในปัสสาวะ พบว่ามีนักเที่ยว 123 คน ปัสสาวะเป็นสีม่วง แบ่งเป็นชาย 80 คน หญิงอีก 43 คน

นอกจากนี้ ยังมีเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีใช้บริการอีก 7 คน อายุต่ำสุดเพียงแค่ 17 ปี สารภาพว่า เข้ามาเที่ยวและเสพยาในร้าน โดยซื้อยาได้ในห้องน้ำของผับแห่งนี้อีกด้วย

จากการตรวจสอบพบว่า ผับแห่งนี้มีชื่อตามใบอนุญาตว่า “เฮาส์ซิงเกอร์ผับ” เลขที่ 20/2 ถนนเพชรเกษม หมู่ 7 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร มี นายปัญญา แสงประสิทธิ์ อายุ 60 ปี เป็นผู้รับอนุญาต

เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้แจ้งข้อหาแก่ผู้รับอนุญาต 6 ข้อหา ได้แก่ ปิดสถานบริการเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด, ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินเวลาที่กฎหมายกำหนด, ใช้ชื่อสถานบริการไม่ตรงกับใบอนุญาต

ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานบริการ, ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าใช้บริการ และ ยุยงส่งเสริมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร

ส่วนการสั่งปิดสถานบันเทิงนอสผับนั้น นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช  นายอำเภอกระทุ่มแบน จะรายงานให้นายประภัสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตสถานบริการตามคำสั่ง คสช. ต่อไป

สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่การจับกุมสิ่งผิดกฎหมายครั้งนี้ คือ เนื่องจากเป็นการจับกุม “นอกหน่วย” ซึ่งก็คือกรมการปกครอง แทนที่จะเป็นตำรวจ แน่นอนว่าย่อมกระเทือนไปถึงตำรวจ สภ.กระทุ่มแบน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ภายหลัง พล.ต.ท.กิตติพงษ์ เงามุข ผบช.ภ.7 ได้มีคำสั่งให้ 5 เสือ สภ.กระทุ่มแบน คือ พ.ต.อ.ศักดิ์ศรี แก้วเอี่ยม ผกก.สภ.กระทุ่มแบน, พ.ต.ท.ภาคิน แสนพุฒิ รอง ผกก.(สส.), พ.ต.ท.กอบโชค เล็กตระกูล รอง ผกก.(ป.)

พ.ต.ท.ประภาส ศิริรัตน์ สวป. และ พ.ต.ต.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี สว.สส. ไปประจำที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 7 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

ขณะที่ พล.ต.ต.มานะ อินพิทักษ์ ผบก.ภ.จ.สมุทรสาคร เจอแบบนี้นั่งไม่ติดเก้าอี้ มีคำสั่งให้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่รู้ว่าผลที่ออกมาจะหมู่หรือจ่า

สิ่งที่ยังคาใจแก่สังคมก็คือ การให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.อ.ศักดิ์ศรี แก้วเอี่ยม ผกก.สภ.กระทุ่มแบน ซึ่งกลายเป็นคลิปที่ประจานสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่โรงพักกระทุ่มแบนได้เป็นอย่างดี

เมื่อนักข่าวถามว่า นอสผับอยู่ในบัญชีที่มีการร้องเรียนเรื่องการใช้ยาเสพติด และปล่อยให้เยาวชนเข้ามาใช้บริการ เจ้าของท้องที่ได้มีการตรวจสอบหรือไม่ พ.ต.อ.ศักดิ์ศรี กล่าวว่า “ได้ตรวจสอบอยู่เป็นประจำ”

ถามว่า ตรวจสอบเป็นประจำทำไมไม่พบความผิด ก็อ้างว่า “ตอนนี้ก็ตรวจสอบแบบรวบรัดตัดตอน” และยังตอบแบบอ้ำๆ อึ้งๆ โดยมีนายตำรวจอีกคนคอยเป็นพรายกระซิบ

พ.ต.อ.ศักดิ์ศรี ตอบว่า ได้เริ่มเข้ามาตรวจนอสผับเมื่อเวลาห้าทุ่มกว่าๆ นักข่าวก็ซักไซ้อีกว่า ไม่ได้มาตรวจซ้ำ เพราะสถานบริการปกติปิดตีหนึ่ง แต่ตอนที่มาก็เห็นว่ายังมีรถจอด ซึ่งถือว่าผิดสังเกต ได้มีการตรวจซ้ำหรือไม่

ผู้กำกับการ สภ.กระทุ่มแบน กล่าวอ้ำอึ้งว่า “ตรวจซ้ำอยู่แล้ว” ถามว่ายังไม่เจอความผิดหรือไม่ ก็ตอบว่า “ใช่”

ฟังแบบนี้แล้ว คนที่ดูอยู่ทางบ้าน คงรู้อยู่แล้วว่าเป็นยังไง…

ในช่วงที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าควบคุมอำนาจการปกครอง มีการบูรณาการภายใต้ศูนย์อำนวยการประสานกำกับติดตามการปฏิบัติตามคำสั่งของหัวหน้า คสช. ที่ 22/2558 หรือ ศอ.กต.

ฝ่ายปกครอง โดยเฉพาะ “ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง” เป็นอีกหนึ่งหน่วยที่กวาดล้างสถานบันเทิงผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง ก่อนตบท้ายด้วยสั่งปิดสถานบันเทิงเป็นเวลา 5 ปี

ที่เป็นข่าวโด่งดัง คือการตรวจค้นสถานอาบอบนวด นาตารี ย่านถนนรัชดาภิเษก และอาบอบนวด วิคตอเรียซีเครท ย่านถนนพระราม 9 เป็นที่ฮือฮามาแล้ว

ก่อนหน้านี้เมื่อ 12 พ.ค. 2561 บุกตรวจค้น “ผับบ้านกรู” ตัวเมืองขอนแก่น พบเยาวชนต่ำกว่า 20 ปี มากถึง 146 คน อายุต่ำสุดเพียงแค่ 14 ปี 3 คน พบปัสสาวะสีม่วง 14 ราย แถม รปภ. ของร้าน 3 คนยังพกปืนอีก 3 กระบอก

งานนี้ตำรวจ 4 เสือโรงพักขอนแก่นถูกเด้งไปตามระเบียบ และคำสั่งจังหวัดขอนแก่นสั่งปิดผับบ้านกรู 5 ปี มีรายงานว่าที่ผ่านมาพยายามตรวจค้นแล้วแต่ข่าวรั่ว แถมเคยถูกจับข้อหาตั้งสถานบริการผิดประเภทแต่ไม่เข็ด

เป็นธรรมดาที่การจับกุมแบบนอกหน่วย บรรดา “4 เสือ 5 เสือ” ตำรวจเจ้าของท้องที่ก็ถูกเด้งไปตามระเบียบ แต่คำถามที่ว่า เหตุใดยังคงปล่อยปะละเลยให้สถานบริการผิดกฎหมายอยู่ในพื้นที่สมุทรสาคร

คงไม่มีคำตอบ พร้อมกับข่าวการจับกุมจะค่อยๆ เงียบหายไปกับสายลม

– กิตตินันท์ นาคทอง –

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *