เสียงสะท้อนจากบาทหลวง “นักบุญอันนา” รักษาชีวิตชาวบางหญ้าแพรก

1074-1

1 ทุ่มของค่ำวันที่ 6 ก.พ. เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดกับชาวคริสต์ในจังหวัดสมุทรสาครเกิดขึ้น เมื่อเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่พุ่งชนศาลาท่านยายอันนา พระแม่มารี ซึ่งปลูกสร้างอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน ภายในวัดนักบุญอันนา ต.บางหญ้าแพรก อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร

ส่งผลให้พระรูปนักบุญอันนา ขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย สูง 8 เมตรเศษ กว้าง 3 เมตร ล้มลงมา พระรูปหลุดจากฐานที่ยึด ศีรษะทิ่มลงกับพื้นคอนกรีต โดยศีรษะของพระรูปนักบุญอันนานั้น แตกหักและศาลาพังเสียหาย คงเหลือไว้แต่ของพระแม่มารีอาเท่านั้น

เรือต้นเหตุลำดังกล่าว เป็นเรือเหล็กขนาดใหญ่ใช้เพื่อการบรรทุกสินค้าทางทะเลชื่อ ไฮฟง 18 สัญชาติเวียดนาม ใช้บรรทุกกะลาปาล์มซึ่งเป็นเชื้อเพลิงชนิดหนึ่งที่ใช้ในอุตสาหกรรม จะเข้ามาเทียบท่าที่ท่าเรือเซ็นจูรี่ ต.ท่าจีน อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร

ขณะที่กำลังผ่านบริเวณโค้งปากแม่น้ำท่าจีนนั้น เครื่องยนต์ของเรือเกิดขัดข้องขึ้นมาอย่างกะทันหัน ประกอบกับความไม่ชำนาญในเส้นทาง ทำให้เรือเสียหลักพุ่งเข้าชนกับศาลาริมแม่น้ำที่ประดิษฐานพระรูปนักบุญอันนาไว้จนเสียหายทั้งหมด

เช้าวันต่อมา บาทหลวงวิทยา ลัดลอย ผู้จัดการโรงเรียนอันนาลัย และเจ้าอาวาสวัดนักบุญอันนา นำคณะครู นักเรียน และผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาธอลิก พร้อมใจกันสวดวันทามารีอาขอพรพระเจ้าและร่วมกันร้องเพลงถวายพระพรแด่องค์นักบุญอันนา

ก่อนที่จะให้รถเครนทำการยกพระรูปนักบุญอันนาเคลื่อนย้ายลงมาวางบนล้อยาง เหลือไว้แต่ซากที่เป็นร่องรอยแห่งความศรัทธาของชาวคริสตชน ซึ่งในเบื้องต้นความเสียหายตกอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาท

ต่ออุบัติเหตุที่เกิดขึ้น กัปตันเรือประมงในจังหวัดสมุทรสาคร อย่าง ไต๋จั๋ง หรือ ศรชัย พันธ์โพธิ์ทอง ก็กล่าวว่า ลักษณะของเรือบรรทุกสินค้าลำนี้ น่าจะมีปัญหาขัดข้องที่หางเสือเรือ

ทั้งนี้ ถ้าเป็นผู้ที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์ในการควบคุมเรือมาอย่างยาวนานนั้น เมื่อเกิดปัญหาในลักษณะนี้ก็ต้องหยุดเครื่องทันที และต้องทิ้งสมอลอยลำไว้ก่อน แต่ถ้ายังคงฝืนเดินเรือต่อไปก็จะทำให้เกิดอุบัติเหตุในลักษณะเช่นนี้ได้

ส่วนความคืบหน้าทางคดี ร.ต.ท.วิวัฒนา กำใจ ร้อยเวร สภ.ย่อยท่าฉลอม เปิดเผยว่า ได้ทำการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องเรือลำดังกล่าว ซึ่งก่อนเกิดเหตุนายท้ายเรือบอกว่าไม่สามารถควบคุมและบังคับหางเสือเรือได้ ทำให้เรือพุ่งชนศาลาริมน้ำจนพระรูปนักบุญอันนาหักโค่นลงมาทั้งศาลา ขณะนี้ได้ประสานกับไปทางบริษัทที่เวียดนาม เพื่อส่งเจ้าหน้าที่ประกันมารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น

1074-2

สำหรับพระรูปนักบุญอันนา มีลักษณะอยู่ในท่ายืนอย่างสง่างามจับไหล่ของพระนางมารีอา (วัยเด็ก) ขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย สูง 8 เมตรเศษ กว้าง 3 เมตร หมุนได้ 360 องศา น้ำหนักประมาณ 3.8 ตัน

ภายในมีกลไกจากภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวบ้านและกลไกทางการประมงของท้องถิ่น ทำให้หมุนได้รอบทิศทาง อีกทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เขตภาคกลาง สำนักงานสมุทรสงคราม ให้เป็น Unseen Thailand อีกด้วย

ช่วงแรกได้มีการสร้างพระรูปนักบุญอันนาให้หันหน้าออกสู่ทะเล เพื่อให้ช่วยคุ้มครองชาวประมง จึงทำให้ชาวบ้านที่อยู่บนบกติงว่า อยากให้นักบุญอันนาหันหน้ามาบนบกบ้าง เพราะอยากให้ช่วยคุ้มครองเช่นกัน

ในที่สุดแล้วชาวบ้านจึงได้ช่วยกันเอากว้านเรือมารองเป็นฐานของรูปปั้น เพื่อให้สามารถหมุนได้ ดังนั้น ช่วงที่มีการออกหาปลา พระรูปก็จะถูกหมุนออกสู่ทะเล แต่ละปีจะมีคริสต์ชนเดินทางมาเคารพสักการะเป็นจำนวนมาก

บาทหลวงวิทยา กล่าวว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ นับเป็นความโชคดีของลูกหลานชาว ต.บางหญ้าแพรก ที่ท่านยายนักบุญอันนาได้ช่วยชีวิตทุกคนเอาไว้ โดยเอาตัวของท่านนั้นเป็นผู้รับอุบัติเหตุในครั้งนี้ไว้เสียเอง

ทั้งนี้ เรือบรรทุกสินค้าลำนี้เกิดขัดข้องขึ้น ถ้าเสียหลักพุ่งชนเข้าหาฝั่งก่อนถึงบริเวณศาลาพระรูปท่านยายนักบุญอันนานั้น เรือก็จะเข้าไปในหมู่ของชุมชนชาวประมงที่กำลังขึ้นปลากันอยู่ หรือถ้าเลยท่านยายไป ก็จะไปพุ่งชนไปที่บริเวณริมเขื่อนหน้าวัดสุทธิวาตวราราม (วัดช่องลม) ซึ่งมีประชาชนมาเยี่ยมชมและรับประทานอาหารบริเวณริมเขื่อนกันเป็นจำนวนมาก

“หากเป็นดังนั้นจริงก็จะทำให้มีผู้บาดเจ็บหรือล้มตายก็เป็นไปได้ แต่นี่ท่านเลือกที่จะให้เรือพุ่งเข้าชนพระรูปของท่าน เพื่อรักษาชีวิตของทุกคนเอาไว้” บาทหลวงวิทยา ระบุ

สอดคล้องกับ อนันต์ แก้วหาวงษ์ เลขาสภาอภิบาลวัดนักบุญอันนา ก็กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สร้างความรู้สึกหดหู่และรู้สึกขวัญเสียต่อผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ในพื้นที่ ต.บางหญ้าแพรก และพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งมีอยู่เกือบ 2 พันคน ยังไม่รวมถึงผู้ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดเพื่อมาสักการะพระรูปนักบุญอันนา หรือท่านยายอันนา พระแม่มารี ที่นี่ทุกวัน

แต่ถึงกระนั้น ในช่วงที่เกิดเหตุมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจะเป็นลางร้ายต่อจังหวัดสมุทรสาคร ซ้ำเติมวิกฤตบ้านเมืองที่เกิดขึ้นหรือไม่ แต่อนันต์กลับมองว่า ในความเชื่อของชาวคริสต์เห็นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นอุบัติเหตุ มิใช่ลางร้ายใดๆ ทั้งสิ้น

หลังจากนี้ทางคณะกรรมการและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนก็จะต้องประสานไปยังบริษัทของเรือบรรทุกสินค้าลำก่อเหตุก่อน เพื่อให้มีการเจรจาถึงความรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น จากนั้นก็คงจะต้องเป็นการจัดสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด เนื่องจากพระรูปเดิมนั้นเสียหายจนยากเกินกว่าจะซ่อมแซมได้

“ตรงนี้ก็จะเร่งรีบดำเนินการโดยเร็วเพื่อเป็นการเรียกขวัญของผู้ที่เคารพนับถือให้กลับมาโดยเร็ว และก็นับเป็นความโชคดีมากที่วันนี้ในช่วงเกิดเหตุไม่มีใครอยู่ในศาลาเลยแม้แต่คนเดียว เพราะปกติแล้วจะมีคนมานั่งสวดมนต์อ้อนวอนพระเจ้ากันเป็นประจำ” อนันต์ กล่าว

• เข็มทอง สุวรรณโภชน์ / กิตตินันท์ นาคทอง •

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• เรือบรรทุกกะลาปาล์มชนรูปปั้น “นักบุญอันนา” โค่นพังทั้งหลัง



แสดงความคิดเห็น


เงื่อนไขในการแสดงความคิดเห็น
• กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำที่สุภาพ โปรดงดเว้นการใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
• การลบความคิดเห็น ที่ไม่เหมาะสม สามารถกระทำได้ทันที โดยไม่ต้องมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
• ทุกความคิดเห็นไม่เกี่ยวข้องกับผู้ดำเนินการเว็บไซต์ และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้

เรื่องก่อนหน้า-ย้อนหลัง