เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ศึกษาวิถีประมง ชิม-ช้อปตลาดคนเดินสมุทรสาคร
เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ที่ผ่านมา “สาครออนไลน์” พร้อมคณะสื่อมวลชนในจังหวัดสมุทรสาคร ได้มีโอกาสร่วมเดินทางสำรวจพื้นที่ต่างๆ ด้วยกัน ในกิจกรรมที่มีชื่อว่า “ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ชมตลาดชุมชน สัมผัสวิถีคนประมง” ภายใต้โครงการประชาสัมพันธ์เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวกับการส่งเสริมสินค้าชุมชน และสร้างการมีส่วนร่วมของเยาวชนแบบบูรณาการ
โดยนางยุวพร นวชาติกุล ประชาสัมพันธ์จังหวัดฯ และนายภิญโญ หลงผดุง นักประชาสัมพันธ์ชำนาญการ พร้อมคณะจากสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งแต่ละสถานที่ล้วนมีความเป็นมาที่น่าสนใจ และเป็นจุดขายที่โดดเด่นในการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็น อุทยานพันท้ายนรสิงห์ หมู่บ้านปากคลองประมง ฟาร์มหอยแมลงภู่ ศาลากลางน้ำ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งฯ ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำฯ เรือโบราณพนมสุรินทร์ และถนนคนเดินพันท้ายไนท์มาร์เก็ต
เริ่มต้นเราได้เดินทางมาถึงอุทยานประวัติศาสตร์พันท้ายนรสิงห์ เมื่อตอน 09.45 น. มีนายนรินทร์ บุญร่วม ข้าราชการบำนาญ อดีตประมงอำเภอ รับหน้าที่วิทยากรให้กับคณะสื่อมวลชนและประชาสัมพันธ์จังหวัด ได้อธิบายถึงความเป็นมา เช่น การก่อตั้งอุทยานพันท้ายนรสิงห์ การใช้ชื่อตำบลพันท้ายนรสิงห์ ที่ได้เปลี่ยนมาจากเดิมคือตำบลบ้านไร่ การสร้างศาลหลังใหม่
การหล่ออนุสาวรีย์จำลองของพันท้ายนรสิงห์ในปี พ.ศ. 2519 ซึ่งได้เล่าถึงเกร็ดประวัติศาสตร์อย่างหนึ่งไว้ว่า เค้าโครงใบหน้าของรูปหล่อนั้น ได้นำมาจาก สมชาย ศรีภูมิ นักแสดงในยุคนั้นเป็นต้นแบบ ฯลฯ จากนั้นจึงพาพวกเราไปที่ “หลักประหารเดิม” พร้อมเล่าวีรกรรมของพันท้ายนรสิงห์ ที่ยอมแลกชีวิตของตนเพื่อรักษากฎมณเฑียรบาลไว้ ด้วยความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ และจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์
ต่อมาในช่วง 10.45 น. เราจึงได้มาถึงท่าเทียบเรือประมง หน้าองค์การบริหารส่วนตำบลพันท้ายนรสิงห์ แล้วนั่งเรือหางยาวแล่นไปตามคลองตรง สู่หมู่บ้านปากคลองประมง ต.พันท้ายนรสิงห์ ที่มีบ้านเรือนริมน้ำปลูกอยู่ราย 2 ข้างทาง ทั้งแบบหลังคามุงจาก และบ้านแบบสมัยใหม่สีสันสวยงาม
จนกระทั่งออกไปยังปากอ่าว เราได้เห็นทิวไม้ไผ่ชะลอคลื่นปักอยู่ และมีหลักไม้มากมายเป็นสัญลักษณ์ของการทำ “ฟาร์มหอยแมลงภู่” แล้วเราก็ได้เห็นการสาธิตวิธีงมหอยแมลงภู่ขึ้นมา ซึ่งจะต้องดำน้ำลึกลงไปเก็บหอยยังด้านล่าง โดยมีออกซิเจนเป็นเครื่องช่วยหายใจ โดยมีวิทยากรคอยอธิบายวิธีการทำฟาร์มหอยแมลงภู่ จากนั้นเรือจึงแล่นต่อไปที่ศาลากลางทะเล ซึ่งภายในนั้นมี “พระพุทธมหาสมุทร” ประดิษฐานอยู่
เข้าสู่ช่วงเที่ยง คณะสื่อมวลชนและประชาสัมพันธ์จังหวัด ก็ได้ล่องเรือไปยังร้านอาหาร “ครัวบ้านประมง” ได้ลิ้มรสความอร่อยจากเมนูต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หอยแครง-หอยแมลงภู่สดๆ ลวกพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด แกงส้มกุ้งมะพร้าวอ่อน เนื้อปูผัดผงกะหรี่ หมึกชุบแป้งทอด ฯลฯ พร้อมบรรยากาศริมน้ำที่ยังคงวิถีชีวิตชาวประมงไว้ให้เห็นกันอยู่
เมื่อทานมื้อกลางวันกันเสร็จสิ้น ก็ได้เดินทางมาต่อที่ “ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งจังหวัดสมุทรสาคร” อย่างที่ทราบกันดีว่าเมื่อเดือนที่แล้ว ทางศูนย์ฯ เคยมีโอกาสให้การต้อนรับ นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐฟิจิและคณะ มาศึกษาดูงานที่ศูนย์ฯ แห่งนี้ โดยมีนายสุทธิชัย ฤทธิธรรม ผู้อำนวยการของศูนย์ฯ เป็นผู้บรรยาย
โดยได้ฉายสไลด์ข้อมูล และอธิบายถึงงานหลักของศูนย์ฯ ว่ามีหน้าที่ในการดูแลชาวประมงและเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงและอนุรักษ์สัตว์น้ำ ทั้งสัตว์น้ำกินได้และสัตว์น้ำสวยงาม การตรวจคลินิกสัตว์น้ำ ตรวจสารตกค้างและแบคทีเรียในน้ำ เฝ้าระวังสิ่งแวดล้อม เปิดฝึกอบรม ฯลฯ อีกทั้งยังอธิบายถึงสถานการณ์ของกุ้งขาวที่ลดลง ผลงานการวิจัยและพัฒนาของศูนย์ฯ ที่ตอนนี้กำลังร่วมมือกับทางนักวิชาการประมงเมียนมาร์ ศึกษาเพื่อร่วมกันอนุรักษ์และพัฒนา “ปลาตะลุมพุก” (หรือ “ปลาชิกคั่ก” ในภาษาจีน) ที่สาบสูญไปจากแหล่งน้ำของไทยมานาน
หลังจากรับฟังการบรรยายเสร็จเรียบร้อย ทางคณะผู้เดินทาง ได้เข้าเยี่ยมชมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชนิดต่างๆ โดยมีนางชมพูนุท หลักดี แนะนำการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลสวยงาม และกุ้งทะเลพันธุ์พื้นเมืองอย่างกุ้งแชบ๊วย และกุ้งกุลาดำ เพื่อเป็นการอนุรักษ์
ในส่วนของปลาสวยงาม จะเป็นนางพรทิพย์ ทองบ่อ นักวิชาการประมง คอยอธิบายกรรมวิธีในการเพาะเลี้ยงปลาสวยงาม อย่างปลาการ์ตูนสายพันธุ์ต่างๆ ที่เพาะเลี้ยงเพื่อจำหน่ายเป็นการทั่วไป ที่น่าสนใจมากที่สุดเห็นจะเป็นเจ้า ”ปลาการ์ตูนแพลตตินัม” ที่ผสมข้ามสายพันธุ์จนเป็นลวดลายสีขาวล้วน ซึ่งมีการซื้อขายในราคาถึง 500 บาท ต่อลำตัวขนาด 1 เซนติเมตร เลยทีเดียว
ถัดมาเราได้เดินทางมาที่ “ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำสมุทรสาคร” ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน โดยมีวิทยากรคอยให้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์น้ำชนิดต่างๆ ภายในศูนย์แสดงฯ แห่งนี้ ที่มีอยู่มากมาย ทั้งสวยงามและได้ความรู้ โดยเฉพาะอุโมงค์ใต้น้ำ ที่มีปลาขนาดใหญ่ ทั้งปลาฉลาม ปลาเก๋า ปลากระเบน แหวกว่ายให้พวกเราได้ตื่นตาตื่นใจ และถ่ายภาพกันอย่างสนุกสนาน
แล้วเราก็เดินทางกันมาต่อที่ “เรือโบราณพนมสุรินทร์” หมู่ 6 ต.พันท้ายนรสิงห์ ซึ่งมี น.ส.ปรียานุช จุมพรม จากสำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี พร้อมคณะทำงาน ได้เป็นวิทยากรอธิบายรายละเอียดคร่าวๆ ถึงประวัติของการพบซากเรือโบราณ ที่ได้พบอยู่ในบ่อเลี้ยงกุ้งของนายสุรินทร์ และนางพนม ศรีงามดี เมื่อประมาณปลายปี 2556 และได้มีการขุดศึกษาทางโบราณคดีมาโดยตลอด
มีนักโบราณคดี และนักวิชาการจากหลายชาติเข้ามาเยี่ยมชมและร่วมกันศึกษาซากเรือโบราณดังกล่าว มีการขุดพบข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ และได้มีการนำเสากระโดงเรือ 1 ใน 2 ต้น ขึ้นมาจากบ่อขึ้นมาแช่น้ำด้านบนไว้ เพื่อเป็นการรักษาสภาพของโบราณวัตถุ และเพื่อให้คณะที่มาเยี่ยมชม ได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด
ในช่วงตอนเย็น การเดินทางของเรามาสิ้นสุดกันที่ “พันท้ายไนท์มาร์เก็ต” ภายในโครงการ คีท พลาซ่า เป็นถนนคนเดินที่มีการตกแต่งอย่างสวยงาม สร้างบรรยากาศอันน่าตื่นตาตื่นใจ มีการจำหน่ายข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ทั้งเสื้อผ้าเครื่องประดับ อุปกรณ์ไฟฟ้า และอาหารการกินที่หลากหลาย ด้านในนั้นมีลานเบียร์ พร้อมเวทีกิจกรรมและการแสดงดนตรี ที่หลายคนนิยมมานั่งพักผ่อนหย่อนใจ
โดยตลาดคนเดินแห่งนี้ จัดขึ้นทุกสัปดาห์ที่ 2 และ 4 ของเดือน ซึ่งทางคณะสื่อมวลชนได้สังสรรค์กัน และทางนายกิตติพงษ์ เจริญคงธรรม ประธานกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ YEC สมุทรสาคร เจ้าของโครงการคีท พลาซ่า ได้มอบของที่ระลึกให้กับคณะสื่อมวลชนไว้ให้ด้วย
และนี่คือเรื่องราวการเดินทางทั้งหมดของคณะสื่อมวลชน ที่ทางสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสาครได้พาไปสำรวจในครั้งนี้ ทำให้เราได้ทราบว่า สมุทรสาคร มีอะไรมากกว่าที่เราคิด และสามารถท่องเที่ยวได้หลายสถานที่ โดยใช้เวลาในหนึ่งวัน
• กิตติกร นาคทอง •