หลังจากที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการมอบหมายให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ปล่อยกู้ให้กับประชาชนที่ต้องการที่อยู่อาศัย วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท เพื่อส่งเสริมการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง

ส่งผลทำให้ตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้ยื่นขอสินเชื่อ พบว่าหลายจังหวัดมีประชาชนมาขอกู้เงินกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ รวมทั้งสิ้น 2,000 ราย รวมวงเงิน 2,500 ล้านบาท เฉลี่ยขอกู้รายละ 2 ล้านบาท แบ่งออกเป็นกรุงเทพฯ และปริมณฑล 50% และต่างจังหวัด 50%

คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ จะมีผู้มายื่นขอกู้เต็มวงเงิน 1 หมื่นล้านบาทแน่นอน!

โดย ธอส. เตรียมที่จะหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อพิจารณาแนวทางการปล่อยสินเชื่อ และให้สถาบันการเงินของรัฐ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ปล่อยกู้หากเงินทุนไม่เพียงพอ วงเงิน 500,000-600,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ ธอส. เตรียมประเมินความต้องการสินเชื่อบ้าน เพื่อพิจารณาแนวทางการเพิ่มวงเงินในการปล่อยสินเชื่อรอบใหม่ ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ โดยขอขยายวงเงินจากเดิมวงเงิน 1 หมื่นล้านบาท ออกไปอีกเท่าตัว

ยืนยันว่า พร้อมที่จะปล่อยสินเชื่อแบบไม่จำกัดวงเงิน ตามความต้องการของลูกค้า โดยไม่ได้ห่วงปัญหาหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) และไม่กระทบกับฐานะการเงินของธนาคาร เพราะปัจจุบัน ธอส. มีสภาพคล่องกว่า 7 หมื่นล้านบาท

สำหรับเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อ มีการผ่อนปรนการคำนวณรายได้สุทธิต่อวงเงินการขอสินเชื่อ ( DSR ) ให้เพิ่มมากขึ้น จากเดิมอยู่ที่ 33% ของรายได้สุทธิ มาเป็น 40-50% ของรายได้สุทธิ

ตัวอย่างเช่น ประชาชนที่มีรายได้สุทธิ 3 หมื่นบาท สามารถขอสินเชื่อได้สูงสุด 3 ล้านบาท จากเดิมที่ต้องมีรายได้สุทธิสูงถึง 5.4 หมื่นบาท ถึงจะขอสินเชื่อได้ในวงเงินดังกล่าว ทำให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อบ้านได้ง่าย

โดยมีการผ่อนปรนดอกเบี้ยต่ำปีแรก 3.5% ปีต่อไป 4.25% และปีที่สาม เอ็มอาร์อาร์-0.75% ซึ่งลดลงจากดอกเบี้ยเอ็มอาร์อาร์ปกติที่คิดที่ -0.5%

นอกจากนี้ ลูกค้าที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อจากธนาคารแล้ว สามารถรอการทำสัญญาได้ หลังจากกระทรวงมหาดไทยประกาศสิทธิประโยชน์ลดค่าธรรมเนียมการโอนและค่าธรรมเนียมการจำจดนอง เหลือเพียง 0.0% เท่านั้น

มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ 1 หมื่นล้านบาท ส่งผลไปถึงโครงการอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่สมุทรสาคร บ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ต่างงัดแคมเปญกระตุ้นตลาดอย่างคึกคักมากขึ้น บางโครงการลดราคาบ้าน หรือฟรีค่าใช้จ่ายบางอย่างเพื่อจูงใจลูกค้า

เช่น โครงการสารินซิตี้ ออกแคมเปญ “จริงใจ … ให้มากกว่ามาตรการฯ” โดยฟรีเงินดาวน์ ฟรีค่าใช้จ่ายในวันโอน ฟรีเครื่องปรับอากาศทุกห้องนอน และฟรีค่าส่วนกลาง 2 ปี สำหรับบ้านเดี่ยวราคาเริ่มต้นที่ 2.95 ล้านบาท

ส่วน บริษัท ดี-แลนด์ กรุ๊ป จำกัด ได้ลดราคาบ้านในโครงการบ้านดี บางโทรัด บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 4 ห้องนอน จากราคา 3.25 ล้านบาท เหลือเพียง 2.99 ล้านบาท และโครงการบ้านดี เศรษฐกิจ โปรโมชั่นก่อนปิดโครงการ ทาวน์โฮมเริ่มต้นที่ 1.7 ล้านบาท รับข้อเสนอพิเศษมูลค่าสูงสุด 1.9 แสนบาท

แม้ว่าธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ อย่างธนาคารกรุงไทย และธนาคารกสิกรไทย จะไม่โดดลงมาร่วมออกแคมเปญสินเชื่อบ้านแข่งกันก็ตาม เพราะบางธนาคารจะเน้นความสามารถในการชำระหนี้ บางธนาคารจะเน้นลูกค้ารายใหญ่ที่มีรายได้ต่อเดือนสูง โดยเฉพาะบ้านราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป

แต่ก็ยังพบว่า มีธนาคารพาณิชย์บางแห่งเริ่มจัดโปรโมชั่นสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยพิเศษเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาด ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา อาทิ ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ คิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษ มีให้เลือก 3 แบบ เฉลี่ย 3 ปีแรกตั้งแต่ 4.46-4.50% ซึ่งจะจัดไปถึง 31 ธันวาคมนี้

มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลชุดนี้ นอกจากจะช่วยระบายสต๊อกที่อยู่อาศัยให้กับผู้ประกอบการ หลังประสบภาวะเศรษฐกิจซบเซาในช่วงที่ผ่านมาแล้ว ยังส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจในช่วงปลายปี แม้จะมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจอาจชะงักจากภาระหนี้สินที่เกิดขึ้นจากการซื้อบ้านก็ตาม.

กิตตินันท์ นาคทอง