ม.มหิดล เผยโอกาสและกลยุทธ์ทางการตลาด เจาะกลุ่มเป้าหมายแรงงานชาวเมียนมา

01

เมื่อเร็วๆ นี้ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) ได้จัดงานสัมมนา “Mingalaba Myanmar Marketing” เจาะตลาดอย่างไร ให้ตรงใจแรงงานชาวเมียนมา โดยเผยข้อมูลโอกาสทางการตลาด และกลุ่มสินค้าอันเป็นที่ต้องการของกลุ่มแรงงานเมียนมาในประเทศไทย แก่ผู้ประกอบการมีแนวโน้มเติบโต พร้อมแนะกลยุทธ์ 7 ข้อ เพื่อเจาะตลาดแรงงานชาวเมียนมาอย่างมีประสิทธิภาพ

นายบุริม โอทกานนท์ รองคณบดีงานสนับสนุนการศึกษา และอาจารย์ประจำสาขาการตลาดวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า หลังมีการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน ชาวเมียนมาในประเทศไทยเพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) ประมาณการว่ามีจำนวนสูงถึง 2.3 ล้านคน ทั้งแบบถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย

กลุ่มแรงงานเมียนมามีรายได้เฉลี่ยรายละประมาณ 9,000 บาทต่อเดือน สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศไทยราว 20,700 ล้านบาท ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มตลาดแรงงานชาวเมียนมา เป็นอีกหนึ่งกลุ่มเป้าหมายที่น่าจับตามองของเหล่านักการตลาดไทย

โดยกลุ่มสินค้าอันเป็นที่ต้องการของกลุ่มตลาดแรงงานเมียนมา ได้แก่ ของใช้ภายในครัวเรือน เสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว เครื่องดื่มชูกำลัง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และทองคำ ที่นอกจากจะซื้อเพื่อตนเองแล้ว ยังนิยมซื้อเมื่อกลับภูมิลำเนาอีกด้วย ซึ่งในแต่ละเดือนแรงงานชาวเมียนมา ใช้จ่ายกับข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เหล่านี้กว่า 3,000 บาท หรือประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ของรายได้

นายบุริม กล่าวต่อว่า จากการศึกษาวิจัยของนักศึกษาในหัวข้อ “เจาะตลาดอย่างไร ให้ตรงใจแรงงานเมียนมาในไทย” ได้ทำการสำรวจกลุ่มตัวอย่างแรงงานชาวเมียนมา พบว่าปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อพฤติกรรมบริโภคของเขา คือ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่แล้วในพม่า โดยสาเหตุอาจเป็นทั้งในเรื่องความเคยชิน ความไว้วางใจในสิ่งที่ตนเคยใช้ และในเรื่องของภาษาและปัญหาทางด้านการสื่อสาร

อย่างไรก็ตามอีกหนึ่งในข้อมูลที่น่าสนใจ ที่ได้จากการทำวิจัยกับกลุ่มเป้าหมายแรงงานชาวเมียนมา คือ ผู้ที่มีอิทธิพล (Influencer) ต่อการเลือกซื้อสินค้าของชาวเมียนมามากที่สุดคือ คนใกล้ชิด โดยอาจเป็นเพื่อนชาวเมียนมาด้วยกัน หรือผู้ที่ทำงานมาก่อน ดังนั้นหลักการตลาดแบบ “ปากต่อปาก” (Word of Mouth) จึงเป็นหลักสำคัญที่นักการตลาดต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ หากต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายแรงงานชาวเมียนมา

โดยช่องทางการตลาด (Marketing Channel) ที่ต้องมุ่งเน้นเป็นพิเศษ คือ การทำการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) โดยเฉพาะ การทำการตลาดบนเฟซบุ๊ค (Facebook) ที่แรงงานชาวเมียนมามากว่า 60 เปอร์เซ็นต์ให้ความสนใจ และถือเป็นช่องทางที่มีอิทธิพลมากที่สุด

ทางด้าน น.ส.ชัญญพัชร บุนนาค นักศึกษาระดับปริญญาโท สาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล และตัวแทนโครงการวิจัย “เจาะตลาดอย่างไร ให้ตรงใจแรงงานเมียนมาในไทย” กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากการศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการทำวิจัย พบว่าการทำการตลาดกับกลุ่มแรงงานชาวเมียนมา ไม่จำเป็นต้องใช้จำนวนเงินมากมาย แต่ต้องใช้ความเข้าใจและจริงใจ

โดยหากตั้งใจที่จะเจาะตลาดดังกล่าว และมองว่าแรงงานชาวเมียนมาเป็นกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญกลุ่มหนึ่งแล้วนั้น โอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการทำการตลาดกับแรงงานชาวเมียนมาก็มีมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว และอีกสิ่งสำคัญที่อยู่ในใจแรงงานเมียนมาในประเทศไทย คือ “ความกลัว” (Fear) ในเรื่องต่างๆ อาทิ กลัวตำรวจจับ กลัวถูกรังแก กลัวถูกหลอก กลัวถูกดูถูก

จึงนำไปสู่กลยุทธ์ 7 ข้อภายใต้คอนเซ็ปต์ “NO FEARS” เพื่อเจาะตลาดแรงงานชาวเมียนมาอย่างมีประสิทธิภาพ คือ N – Network ทำให้สินค้าหรือบริการเป็นที่รู้จักผ่านเพื่อนฝูง คนรู้จักในหมู่แรงงานพม่า, O – Open-minded เปิดใจว่าแรงงานเมียนมาก็เหมือนคนไทย, F – Fairness ให้ความเท่าเทียม มีความยุติธรรม,

E – Experience เปิดโอกาสให้ได้ทดลองใช้ และมีกิจกรรมต่างๆที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง, A – Awareness ช่วยลดปัญหาเรื่องการสื่อสาร และสนับสนุนการรับรู้ด้วยการรองรับภาษาเมียนมา, R – Relationship สร้างความสัมพันธ์ที่ดี และสร้างความไว้ใจให้กับกลุ่มเป้าหมาย และ S – Simple ทำการตลาดด้วยวิธีง่ายๆ ไม่ซับซ้อน

อีกทั้งยังได้ทำการเก็บข้อมูล ด้วยวิธีสัมภาษณ์แรงงานชาวเมียนมา ที่ทำงานในโรงงาน ทำงานบริการ และผู้ช่วยแม่บ้าน จำนวน 200 คน พบกว่า 96 เปอร์เซ็นต์ของแรงงานเมียนมา คิดว่าประเทศไทยทำให้คุณภาพชีวิตของพวกเขาดีขึ้น

52 เปอร์เซ็นต์วางแผนจะอยู่ในประเทศไทยมากกว่า 5 ปีขึ้นไป และ 66 เปอร์เซ็นต์วางแผนจะอยู่ในประเทศไทยหากได้รับใบอนุญาตถาวร โดยผลสำรวจดังกล่าวเป็นสิ่งที่ตอกย้ำว่า นักการตลาดที่ต้องการประสบความสำเร็จ ไม่ควรมองข้ามกลุ่มเป้าหมายกลุ่มนี้

นายณรงค์ศักดิ์ อัศวสกุลไกร ผู้จัดการกองสินค้า ตัวแทนผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชูกำลัง เอ็ม-150 กล่าวเสริมว่า แรงงานเมียนมาในประเทศไทย เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ทางบริษัทต้องการเจาะตลาดผ่านการทำการตลาดเฉพาะกลุ่มอย่างจริงจังตั้งแต่ประมาณ 5 ปีที่แล้ว

ซึ่งหัวใจหลักของการทำการตลาด กับกลุ่มแรงงานเมียนมา คือ “การผูกมิตรอย่างเข้าใจ” โดยทางทีมวิจัยการตลาดได้ลงไปศึกษาอินไซท์ในพื้นที่เพื่อเรียนรู้พฤติกรรม ความชอบ ความสนใจ ความต้องการของแรงงานเมียนมา จนเข้าใจและสามารถจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างตรงจุด อาทิ การใช้พิธีกรชาวเมียนมาเลือกของรางวัลเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า ชนิดที่ถูกใจกลุ่มแรงงานเมียนมา เช่น หม้อหุงข้าว ไมโครเวฟ หม้อนึ่ง พัดลม เป็นต้น

รวมไปถึงรู้จักวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวเมียนมา ที่ชอบร่วมงานบุญมากกว่างานรื่นเริง อันนำไปสู่การเข้าร่วมเป็นสปอนเซอร์ในงานบุญต่างๆ ซึ่งผลลัพธ์ของการจัดกิจกรรมต่างๆ ดังกล่าวประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม อันเห็นได้จากยอดขายสินค้าในบริเวณที่มีแรงงานเมียนมาเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน

สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) โทรศัพท์ 02-206-2000 หรือเข้าไปที่ www.cmmu.mahidol.ac.th

จังหวัดสมุทรสาคร นับได้ว่ามีแรงงานชาวเมียนมาเข้ามาอาศัยอยู่เป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ด้วยจำนวน 153,564 คน ตามมาด้วย กรุงเทพฯ เชียงใหม่ สมุทรปราการ สุราษฎร์ธานี ระนอง หากนับจังหวัด 6 อันดับแรกรวมกัน จะมีสัดส่วนถึง 47.9 เปอร์เซ็นต์ ของแรงงานชาวเมียนมาทั้งประเทศเลยทีเดียว

ดังนั้นการสร้างความเข้าใจต่อกลุ่มแรงงานเมียนมา พร้อมทำการค้าด้วยมิตรภาพและความจริงใจต่อกัน เพื่อให้ได้รับการตอบรับที่ดี นำไปสู่ความสำเร็จทางธุรกิจการค้าต่อไป



แสดงความคิดเห็น


เงื่อนไขในการแสดงความคิดเห็น
• กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำที่สุภาพ โปรดงดเว้นการใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
• การลบความคิดเห็น ที่ไม่เหมาะสม สามารถกระทำได้ทันที โดยไม่ต้องมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
• ทุกความคิดเห็นไม่เกี่ยวข้องกับผู้ดำเนินการเว็บไซต์ และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้

เรื่องก่อนหน้า-ย้อนหลัง